LEXUS ญี่ปุ่นเปิดตัวที่รถแรงพลังอีวีล้วนในตระกูล RZ ที่โหดกว่า ดุกว่าและแรงกว่านั่นคือ LEXUS RZ 600e F Sport Performance
LEXUS RZ 600e F Sport Performance ปรับตัวตนปรับสมรรถนะให้โหดดุดันกว่ารุ่น RZ ปกติจากพื้นฐานรุ่น RZ550e “F SPORT”
ภายนอกเหี้ยมโหด
ด้วยชุดแต่งแอรโรพาร์ทั้งคันตั้งแต่ ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายอากาศ, ชายล่างกันชนหน้า, โป่งซุ้มล้อหน้า-หลัง, สเกิร์ตข้างรูปแบบใหม่, ดิฟฟิวเซอร์หลังใหญ่แบบตะโกน ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง 2 ชั้นทั้งฝาท้าย และหลังคารถขอบกระจก ทำมาจากวัสดุคาร์บอนทั้งหมด
ล้ออัลลอยลายดถสีเข้มจาก ENKEI ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางหน้า 255/40R21 และยางหลัง 295/35R21 บนพื้นฐานเดิมทั้ง กระจังหน้าถูกตีความใหม่ภายใต้แนวคิดแบบ Spindle Body สไตล์ Spindle Grill ผสมผสานศิลปะการออกแบบเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยจนได้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดีไซน์ด้านหลังโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟสูง-ต่ำโปรเจกเตอร์เดี่ยวแบบ Bi-AHS (Adaptive High-beam System) ช่วยกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง และชัดเจน พร้อมไฟเลี้ยวที่ดูลุ่มลึกและขับรูปทรงตัว L ของไฟ DRL (Daytime Running Light)
เส้นไฟท้าย LED ที่ทอดตัวยาวตลอดแนวขวางเป็นเส้นเพรียวบาง ตัวอักษร LEXUS ขนาดใหญ่ติดท้ายรถ ครั้งนี้ตกแต่งสีดำเกือบทั้งคันตั้งแต่ชุดกระจังหน้ายาวไปจนถึงฝากระโปรงหน้า หลังคารถ ทั้งชิ้น จากเดิมจะตกแต่งในส่วนของกระจกมองข้างทรงสปูน กรอบกระจก คิ้วชายล่างและคิ้วขอบล้อ โดยยังเป็นแพลตฟอร์มเดิม e-TNGA มีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,860 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,965 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,615 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,140 กิโลกรัม
ภายในสร้างความรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติ
เพิ่มเติมด้วยการตกแต่งโทนสีดำ/สีน้ำเงิน มาพร้อมกับหลังคากระจกพาโนรามาพร้อมฟังก์ชันปรับลดแสงอัจฉริยะ ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูโอ่โถง โปร่งสบาย และคอนโซลด้านหน้าออกแบบภายใต้แนวคิด TAZUNA COCKPIT ที่เน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงมาตรฐาน และมีพวงมาลัยทรงครึ่งวง หรือที่เรียกกันว่า Yoke-Style Steering Wheel
ดีไซน์คอนโซลหน้าสไตล์ LEXUS แบบ LEXUS TAZUNA มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ลำโพง 10 จุด กับมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วมาด้วย หน้าจอ Head-up Display แบบสี แสดงผลโดยฉายข้อมูลไปยังบริเวณด้านล่างของกระจกหน้ารถ โดยไม่รบกวนการมองถนน และสภาพรอบรถ พร้อมเลือกโหมดการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ ชุดเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson ที่ให้คุณภาพเสียงสมจริงเหมือนอยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ต
พร้อมความสบาย 5 ที่นั่งจากเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะ Ultra-suede ที่ผลิตจากพืช (Bio-based sustainable material) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผิวสัมผัสที่หรูหราคล้ายกับหนังกลับคุณภาพสูง พร้อมไฟ Ambient Light ส่องสว่างให้ห้องโดยสารอบอุ่น
หลังคารถแบบ Panoramic Sunroof สามารถหรี่แสงได้เพื่อประหยัดไฟพร้อมกระจก Low-e ช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้ 99% เพิ่มความสบายแม้ขณะอยู่กลางแดด ฟังก์ชันลดแสงจะทำงานโดยอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ม่านบังแดด
ควบคุมการปรับอากาศอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยตรวจวัดอุณหภูมิ จากจุดสัมผัสต่างๆ เช่นเบาะคู่หน้า พวงมาลัย และเบาะหลัง แล้วปรับอุณหภูมิแบบแยกอิสระ 3 โซนตามความเหมาะสม
กลอนประตูอัจฉริยะ e-latch เมื่อต้องการขึ้นรถ เพียงเอื้อมมือมาแตะสวิตช์ด้านในมือจับประตูนอกตัวรถ ประตูจะแง้มออกเพื่อให้คุณดึงเปิดได้ทันที และเมื่อต้องการลงจากรถก็เพียงกดสวิตช์ที่มือจับภายในรถพร้อมกับผลักประตูออกได้ในขั้นตอนเดียว ในกรณีที่ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน คุณสามารถดึงมือจับสองครั้งเพื่อเปิดด้วยวิธีปกติได้ สร้างโดยแรงบันดาลใจจากการเลื่อนบานประตูกระดาษสาของชาวญี่ปุ่น
ขุมพลังพัฒนาใหม่
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ DIRECT4 ให้กำลังรวมสูงสุด 426 แรงม้า จากมอเตอร์หน้าและหลังให้กำลังเท่ากัน 227 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 525 กิโลเมตร (WLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.4 วินาที จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 76.96 kWh แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 384.8V
รองรับการชาร์จทั้งชาร์จช้า AC 11 kW และชาร์จเร็ว DC 150 kW รองรับ V2L มีโหมด My Room สำหรับเปิดใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศและเครื่องเสียงในขณะชาร์จไฟรถ โดยไม่ต้องกังวลว่าไฟในแบตเตอรี่จะหมด (ไม่สามารถใช้งานได้ขณะชาร์จแบบ V2H หรือชาร์จด้วยแหล่งพลังงาน V2H)
มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ DIRECT4 ยังมีระบบส่งกำลัง eAxle แบบกระจายแรงบิดโดยกระจายน้ำหนักของล้อทั้งสี่ได้ตั้งแต่ 0-100 สามารถตั้งได้หลากหลายทั้งแบบ 20/80, 50/50 และ 75/25 ตามลำดับ
ระบบพวงมาลัย Steer-by-Wire ช่วยปรับและแปรผันอัตราทดของพวงมาลัยได้อัตโนมัติตามความเร็ว แต่ยังคงให้ความรู้สึกในการใช้งานเหมือนพวงมาลัยแบบกลไกปกติ มาพร้อมช่วยควบคุมพวงมาลัย Advanced Steering Control โดยจะทำงานโดยแลกเปลี่ยนบังคับเลี้ยวกับพื้นผิวถนนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีระบบสร้างจำลองการเปลี่ยนเกียร์แบบเร้าใจเหมือนขับรถเครื่องยนต์สันดาปหรือ Interactive Manual Drive ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ได้เทียบเท่ากับเกียร์ธรรมดา 8 สปีด
ช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่พร้อมเทรลลิงอาร์ม ใช้ตัวดูดซับแรงกระแทกชนิด FRD II ที่ปรับการรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแกนโช้คได้หลายระดับตามแต่ละสภาพพื้นผิวถนน ทั้งช่วยให้รถมีความมั่นคง ควบคุมได้ง่าย และยังนุ่มนวลนั่งสบายอีกด้วย
พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อติดตั้งจานเบรกหน้าขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์เบรก 6 พอต สีฟ้า เท่านั้นยังไม่พอปรับความสูงตัวรถให้เตี้ยลงอีก 20 มิลลิเมตร
เทคโนโลยีความปลอดภัย LEXUS Safety System Plus
- ป้องกันก่อนการชน Pre-Collision System (PCS)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ทุกช่วงความเร็ว) Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) with all-speed follow function
- ติดตามช่องทางการวิ่ง Lane Tracing Assist (LTA)
- เตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Alert (LDA)
- ช่วยเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)
- ไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะ Adaptive High Beam System (AHS)
- ไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB)
- ช่วยจอดอัจฉริยะ Lexus Teammate Advanced Park
- ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSM)
- ความปลอดภัยขณะเปิดประตู Safe Exit Assist (SEA)
- ช่วยเบรกขณะถอยออกจากที่จอด Parking Support Brake (PKSB)
- จอแสดงภาพรอบทิศทาง
LEXUS RZ 600e F Sport Performance ขายญี่ปุ่นเริ่มต้น 12,440,000-12,165,000 YEN หรือราว 2,485,000-2,425,000 บาท มาพร้อมสีเทา/สีดำ Neutrino Gray/Black และสีขาว/สีดำ White Silver II /Black ทั้ง 2 สีตกแต่งสีดำ ทั้งหลังคา ฝากระโปรงหน้า สเกริ์ตรอบคันหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และสปอยเลอร์ 2 ชั้น
ที่มา Carwatch
