MAXUS STAR X กระบะเจนใหม่ที่ขอเข้าร่วมชิงเค้กก้อนนี้จากคู่แข่งญี่ปุ่น อเมริกา และเพื่อนร่วมชาติเปิดตัวและเปิดราคาจำหน่ายแล้วที่เมืองจีน
MAXUS STAR X หรือ MAXUS TERRON 9 นำต้นแบบ MAXUS GST ที่เคยโชว์ตัวเมื่อปี 2023 ขัดเกลาดีไซน์ให้ออกมาเป็นกระบะ 4 ประตูสุดแกร่ง
ภายนอกหล่อทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED ในโคมขนาดใหญ่ในแนวตั้ง พร้อมตรา MAXUS หรือตราอื่นๆในเครือขนาดใหญ่แบบรังผึ้งรมดำ ฝากระโปรงหน้ามีขอบหนา ซุ้มล้อทรงเหลี่ยม ราวหลังคาดีไซน์กลมกลืนกับหลังคารถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ไฟท้าย LED แบบยูคว่ำพร้อมพื้นที่กระบะท้ายใหญ่ตั้งแต่ความยาว 1,561 มิลลิเมตร กว้าง 1,600 มิลลิเมตร สูง 520 มิลลิเมตร
พิเศษ!! พื้นที่บรรทุกภายในกระบะยาวถึง 2,600 มิลลิเมตรด้วยการใช้ฟังก์ชัน Multi-Flex Midgate กระบะท้ายเปิดทะลุไปจนถึงห้องโดยสารด้านหลังและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R18 ทั้งแบบ H/T และ A/T โดยมาในร่างกระบะทรงใหญ่ตั้งแต่
- ความยาว 5,500 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,005 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,860-1,874 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,300 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มิลลิเมตร
ภายในมาพร้อมจอคู่ที่รวมการทำงานทั้งมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบปฏิบัติการ Tencent TAI 4.0 พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด พร้อมเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมอุ่นเบาะและนวดได้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับเอนเป็นเตียงนอนอเนกประสงค์ความยาว 170 เซนติเมตร ลำโพงรอบคันจากแบรนด์ JBL และที่ชาร์จมือถือไร้สาย 50W
มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบใหม่ SAIC πPlus ขนาด 2.5 ลิตร รหัส SC25TA ให้กำลังมากถึง 224 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพใสนรอบต่ำที่ดีขึ้นและยังปรับปรุงระบบควบคุมการสั่นสะเทือนและเพิ่มเสียงรบกวนได้ดีอีก ให้ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF เพิ่มพลังลุยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time with Terrain Selection 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายแบบกลไก 3 ตัว differential lock และขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,320-3,500 กิโลกรัม ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแบบปีกนกคู่และด้านหลังมี 2 แบบ ทั้งแหนบและอิสระมัลติลิงก์ให้เลือก
พร้อมระบบช่วยจอดและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ L2 โดยเปิดขาย 4 รุ่นย่อยเริ่มต้น 155,800-209,800 YUAN หรือราว 735,000-989,000 บาท
ทางด้านกระบะไฟฟ้าอย่าง MAXUS STARX EV หรือ MAXUS eTERRON 9 มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนพัฒนาใหม่หมดแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมถึง 442 แรงม้า จากมอเตอร์ล้อหน้า 188 แรงม้าและล้อหลัง 294 แรงม้าให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตขนาด 102 kWh
วิ่งไกลสุดตามมาตรฐาน NEDC 540 กิโลเมตร หรือ 560 กิโลเมตร (CLTC) รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงถึง 115 kW 20-80% ภายใน 40 นาที และชาร์จช้า AC พร้อมโหมดการขับขี่ All-Terrain System (ATS) 6 โหมดรวมโหมดปรับตั้งค่าเองเลือกปรับความสูงตัวรถ ปรับน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้า การควบคุมรถ และตั้งค่ากำลังได้ตามใจชอบ
มาพร้อมฟังก์ชันการปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L (Vehicle to Load) รองรับการจ่ายโหลดสูงสุด 2.2KW ~ 6.6KW ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อโดยด้านหลังมาแบบมัลติลิงค์พร้อมระบบถุงลมและปรับด้านท้ายเตี้ยลง 60 มิลลิเมตรในยามบรรทุกของด้วยฟังก์ชัน Easy Load สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม ขายจีน 2 รุ่นย่อยเริ่ม 299,800-322,800 YUAN หรือราว 1,409,000-1,5,19,000 บาท
ทางด้านออสเตรเลียอาจพบกันปีหน้าในชื่อ LDV TERRON 9 และหวังเป็นหนึ่งรุ่นสำคัญจะสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากถึง 5-7% ยอดขายประมาณ 15,000 คันต่อปี ส่วนเมืองไทยจับตาว่าจะหวนกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งสำหรับ MG ภายใต้ชื่อ MG Extender หรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา AUTOHOME