CHANGAN Mazda พร้อมแล้วที่จะเผยรุ่นพิเศษแต่งเข้มอย่าง Mazda 6e Sports Edition หรือ Mazda EZ-6 Sport Edition อย่างเป็นทางการ
Mazda 6e Sport Edition ผลิตที่โรงงานของ CHANGAN เมืองหนางจิง ประเทศจีน แต่งเข้มทั้งคันในร่างเก๋งฟาส์ทแบ็ก 5 ประตู
ตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงแบบทึบสีดำ ชุดไฟหน้า Projector แบบ LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคม ขอบกระจังหน้าและตราโลโก้หนาแบบไฟ DRL แบบ Wings of Light พร้อมกันชนหน้าชิ้นเดียวรองรับการออกแบบด้านหน้าอย่างลงตัว
ด้านข้างตัวรถบริเวณบังโคลนตกแต่งสปอร์ต ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ รวมถึงกระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ คิ้วชายล่างสีดำขอบประตูและสเกิร์ตทรงกวาดตกแต่งสีดำ
ไฟท้าย LED ดีไซน์เพรียวแนวยาวแบบ Star Flame พร้อมสปอยเลอร์ที่สามารถยกปีกออกมาแบบอัตโนมัติ พร้อมตราโลโก้ Mazda ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R19 พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้ง 4 ล้อ
พิเศษสำหรับรุ่นี้ด้วยการตกแต่งหุ้มหนังกลับแบบ Alcantara สีดำเดินด้ายสีแดงนอกจากนี้ยังตกแต่งหนังสัมผัสสีดำเงาบริเวณที่ท้าวแขนบนคอนโซลกลางและช่องระบายอากาศ หรูหราด้วยเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งสามารถพับเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีพื้นที่ด้านท้าย 330 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ พื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ และพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้า 70 ลิตร
เบาะนั่งหุ้มหนังคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับพร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะ เลื่อนเข้าออกอัตโนมัติ พร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง มีระบบเป่าเย็นที่เบาะนั่งและพนักพิงศีรษะคู่หน้า มีช่องแอร์ (Electric Hidden Intelligent Air Ventilation)
ชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านปรับได้ 4 ฟังก์ชัน มาตรวัดดิจิทัล LCD ขนาด 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว เอนหาคนขับถึง 15 องศา รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย พร้อมสั่งงานด้วยท่าทาง (Gesture Recognition)
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ออนไลน์ (Over The Air, OTA) ลำโพงจาก SONY 14 จุด มีจอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบ AR พิเศษด้วยหลังคากระจก Sunroof ขนาดใหญ่ 1.9 ตารางเมตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สายขนาด 40 W
พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 2 โซน (Dual-zone Auto A/C) โหมดลมธรรมชาติ (Natural Wind Mode) มีแอร์ด้านหลังพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (Rear touchscreen A/C Control Panel)
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Lithium Ternary (NMC) พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management)
ผสานการทำงานระหว่างการวิเคราะห์จากตัวรถและระบบคลาวด์แม่นยำในด้านการติดตามสุขภาพแบตเตอรี่ การเตือนภัยด้านความเสี่ยงและระบบจัดการชาร์จ ให้ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/COMFORT/SPORT/CUSTOMIZE ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือก
รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 479 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 564 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 200 kW ได้ในเวลา 22 นาที และชาร์จเร็ว 15 นาที ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 235 กิโลเมตรชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 8 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.6 วินาที
รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 kWh ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 552 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 649 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 95 kW ได้ในเวลา 45 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 9.30 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที
ทุกรุ่นมาพร้อมรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังอิสระมัลติลิงก์แบบ H-ARM ความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (Intelligent Driver Assistance System) โดยเตรียมเปิดตัวในงาน Chongqing Auto Show 2025 ในวันที่ 7 มิถุนายน (ระหว่างวันที่ 7-15 มิถุนายน)
ที่มา CarNewsChina