หลังจากที่ Mazda ประกาศแนะนำรถใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปีประเดิมรุ่นแรก Mazda 6e มาไทยปลายปีนี้หลังจากนั้นจะแนะนำรุ่นที่ 2 นั่นคือ Mazda CX-6e
หลังจากจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ยุโรปไปโดยใช้ชื่อว่า Mazda CX-6e ตั้งแต่ปีกลายตามรุ่นแรก Mazda 6e หรือ Mazda EZ-6
Mazda CX-6e หรือ Mazda EZ-60 เอสยูวีไฟฟ้านำต้นแบบมาจาก Mazda Arata ที่โชว์ตัวในงาน Auto China 2024 รับการพัฒนาโดย CHANGAN Mazda มาเป็นต้นแบบดีไซน์รุ่นใหม่ตามแบบ Kodo Design ยังมีความเป็นเอกลักษณ์
ตั้งแต่กระจังหน้าทรง Signature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้าแบบโครเมียมออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้ง
ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED พร้อมไฟ DRL LED รูปตัวแอลแนวนอน รับกับกันชนหน้ารูปตัววีแนวยาว พร้อมการ์ดเสริมสีเงินใต้กันชนหน้า คิ้วขอบล้อสีดำพร้อมล้ออัลลอยสีเงินลายเท่ กระจกมองข้างทรงสปูน และไฟท้าย LED เป็นต้น คาดนำพื้นฐานของ DEEPAL S07 มาพัฒนาจากแพลต์ฟอร์ม EPA1 มีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,750 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,625 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 165 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,940-2,025 กิโลกรัม
- ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้ามีความจุ 125 ลิตรในรุ่น EV
- ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตรในรุ่น EREV
ภายในคาดยกมาจาก DEEPAL S07 แต่ปรับงานดีไซน์ให้เข้ากับความเป็นรถญี่ปุ่นหรูหราด้วยเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งสามารถพับเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีพื้นที่ด้านท้าย 445 ลิตร กรณีไม่พับเบาะและมีพื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบมากถึง 1,385 ลิตร เบาะนั่งหุ้มหนังคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางด้านคนขับพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะ เลื่อนเข้าออกอัตโนมัติ และคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง
มีระบบเป่าลมที่เบาะนั่งปละพนักพิงศีรษะคู่หน้า มีช่องแอร์อัจฉริยะแบบซ่อนปรับไฟฟ้า (Electric Hidden Intelligent Air Ventilation) ชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านปรับได้ 4 ระดับ หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาด 15.6 นิ้ว เอนหาคนขับถึง 15 องศาโดยอัตโนมัติ รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย พร้อมสั่งงานด้วยท่าทาง (Gesture Recognition) กับมาตรวัดดิจิทัล LCD ขนาด 10.2 นิ้ว
ระบบแสดงภาพในห้องโดยสาร (In-car Monitor) ควบคุมด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ออนไลน์ (Over The Air, OTA) ควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ตโฟน (Mobile Remote Control) ลำโพงทั้งคัน 14 จุด มีจอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบ AR พิเศษด้วยหลังคากระจกพาโนมาริกซันรูฟขนาดใหญ่ 1.9 ตารางเมตร
ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สายขนาด 40 W ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 2 โซน (Dual-zone Auto A/C) โหมดลมธรรมชาติ (Natural Wind Mode) มีแอร์ด้านหลังพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (Rear touchscreen A/C Control Panel) ระบบฟอกอากาศในรถยนต์แบบปล่อยประจุ (Ion Generator Air Purifier) และระบบบอกระดับ PM2.5 ในห้องโดยสาร (PM2.5 Monitor)
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management)
ผสานการทำงานระหว่างการวิเคราะห์จากตัวรถและระบบคลาวด์แม่นยำในด้านการติดตามสุขภาพแบตเตอรี่ การเตือนภัยด้านความเสี่ยงและระบบจัดการชาร์จ ให้ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/COMFORT/SPORT/CUSTOMIZE อาจยกมาจากรุ่น 6e ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือก
รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Lithium Iron Phosphate (LFP) ขนาด 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 502 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 426 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จกระแสตรง DC 30-80%ได้ในเวลา 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 7.5 ชั่วโมง
รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Lithium Ternary (NMC) ขนาด 80 kWh ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 515 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 606 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.5 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC 30-80 %ได้ในเวลา 35 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 7.5 ชั่วโมง
รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าระบบดึงพลังงานจาการเบรกกลับมาใช้ใหม่ Regenerative Baking พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ช่วงล่างหลังอิสระมัลติลิงก์แบบ H-ARM และความปลอดภัยช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS
Mazda CX-6e เตรียมเปิดตัวที่เมืองจีนช่วงสิ้นปี 2025 ทางด้านเมืองไทยพบกันในปี 2026 และในปีเดียวกันเตรียมเผยรุ่น SUV รุ่นใหม่ลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นพลังปลั๊กอินไฮบริดคาดว่าเป็นการมาของ Mazda CX-60
รุ่นที่ 4 เอสยูวีพลังไฮบริดหรือมายด์ไฮบริดอาจเป็นรุ่นใหม่ที่ตั้งสายการผลิตที่โรงงาน Auto Alliance Thailand (AAT) จังหวัดระยองรวมถึงโรงงานผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนเป็นจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะมาในช่วงปี 2027 และรุ่นที่ 5 เป็นไฮบริดในปี 2028
ตามกลยุทธ์แผนพัฒนา xEVs 3 เฟสของ Mazda Motor Corporation ประกอบด้วยเฟสที่ 1 (ปี 2022-2024) เป็นการเตรียมความพร้อม เฟสที่ 2 (ปี 2025-2027) การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV จนถึงเฟสที่ 3 (ปี 2028-2030) เป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
ที่มา Carscoops
