More

    Mercedes-AMG GLE ตัวแรงพลังปลั๊กอินวิ่งไฟฟ้า 86 กม. 5.85 ล้านบาท

    หลังจากที่ Mercedes-Benz GLE ปรับโฉมขายไทยตั้งแต่ปีกลายทำให้รุ่นอื่นๆอย่าง Mercedes-AMG GLE จะมีการปรับโฉมตามหรือไม่

    ภายนอก Exterior

    Mercedes-AMGล่าสุดมีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของ Mercedes-AMG GLE ครั้งนี้มาในรุ่นใหม่ชื่อ Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ เอสยูวีพลังปลั๊กอินไฮบริดตัวแรงประกอบในไทย

    ภายนอกให้อารมณ์สปอร์ตในทุกมิติ พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มีความโดดเด่นในทุกรายละเอียดเพิ่มความดึงดูดสายตาบนท้องถนนด้วยการตกแต่งแบบ AMG Night Package กับสี Deep gloss black ที่ถูกตัดแซมไว้บนชุดกันชนหน้าใหม่ “A-wing” กระจกมองข้าง คิ้วขอบกระจก แร็คหลังคา กันชนท้าย และปลายท่อคู่อันทรงพลังเพื่อมอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior

    ไฟหน้า MULTIBEAM LED ผสานการทำงานกับ Adaptive High Beam Assist Plus ที่จะมอบความปลอดภัยขณะขับขี่แบบไร้กังวล ใหม่ติดตั้งล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Cross-spoke ขนาด 22 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน matte black พร้อมยางหน้า 285/40R22 และยางหลัง 325/35R22 ตัวรถมาในรหัส W167 มิติตัวรถตั้งแต

    • ความยาว 4,934 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 2,015 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,782 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร
    • น้ำหนัก 2,305 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 65 ลิตร

    ภายใน Interior

    Mercedes-AMG

    ภายในห้องโดยสารมาพร้อม AMG Interior Package มอบรายละเอียดการตกแต่งที่โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร

    ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ ARTICO และ MICROCUT Microfibre ตัดกับด้ายสีแดงรอบห้องโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเบาะได้เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย แบบ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจําสําหรับตําแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support มีอุ่นเบาะสําหรับที่นั่งคู่หน้า Heated front seats และเข็มขัดนิรภัยเส้นสีแดงทุกที่นั่ง

    เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับและพับเบาะได้ง่ายด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 1/3 และ 2/3 เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขึ้น และตอบรับไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ สัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สอง แผ่นปิดพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

    Mercedes-AMGมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 แบบ zero-layer concept ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอธีมพิเศษของ AMG รวมถึงการวัดแทร็กสนาม โดยควบคุมผ่านจอกลางแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับ AMG Head-up Display ขนาด 12.3 นิ้ว

    ติดตั้งระบบนำทางแสดงภาพเสมือนจริง MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตัว กำลังขับ 590 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ

    สมรรถนะ Performance

    Mercedes-Benzพร้อมให้คุณสัมผัสความแข็งแกร่งเหนือระดับในแบบฉบับยนตรกรรมตระกูล AMG ด้วยขุมพลัง Plug-in hybrid จากเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัสใหม่ M256M พร้อมเทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 449 แรงม้าที่ 5,800-6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 560 นิวตันเมตรที่ 2,200-5,000 รอบต่อนาทีจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 31.2 kWh

    เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตรมีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง

    Mercedes-Benzขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport transmission พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน ทลายทุกข้อจำกัดในทุกเส้นทางและตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

    ติดตั้งโปรแกรมการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ปรับเลือกได้ถึง 7 รูปแบบ ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ รวมถึงโหมด Off-Road ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบ Transparent bonnet ที่จะแสดงภาพใต้ท้องรถแบบ real-time ทำให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL+  ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive AIRMATIC)

    ระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 6 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต ติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Performance exhaust system ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่อที่เร้าใจที่สุดของ Mercedes-AMG สามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง หรือบน AMG steering wheel buttons พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด

    ความปลอดภัย Safety

    Mercedes-Benz

    เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยจัดมาให้อย่างเต็มพิกัดไม่ว่าจะเป็น

    • ช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Plus Package
    • ช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist)
    • ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
    • รักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
    • ช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist)
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist)
    • ลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์คันอื่นในจุดอับสายตา เพื่อให้คุณอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้นในการเปลี่ยนช่องจราจร ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
    • ช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
    • แจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function)
    • ตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (Tyre Pressure Loss Warning System)
    • ช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
    • Parking Package
    • กล้องแสดงภาพรอบทิศทางรวมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing Camera)
    • แจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง
    • ถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง (คู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ด้านข้างคู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ม่านนิรภัย 4 ตำแหน่ง, หัวเข่าผู้ขับขี่ 1 ตำแหน่ง และ ด้านข้างผู้โดยสารด้านหลัง 1 ตำแหน่ง)
    • เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด (5 ที่นั่ง)
    • โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
    • เบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System)
    • เบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill -Start Assist
    • ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
    • รักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และระบบจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
    • เตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)

    Mercedes-Benzมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Selenite Grey) สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) และสีแดง (MANUFAKTUR Hyacinth Red Metallic) ในราคาถูกลงจากเดิม 370,000 บาทเพียง 5,850,000 บาท โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่าย Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการ

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts