หลังปล่อยให้ Mercedes-Benz V-Class เปิดขายด้วยหน้าดาวลอยขาย 5 ล้านกว่าๆ ล่าสุด Mercedes-Benz เปิดตัวรุ่นปรับโฉมของ Mercedes-Benz VITO ในไทย
Mercedes-Benz VITO รุ่นปรับโฉมยังใช้พื้นฐานเจเนอเรชันที่ 3 รหัส W447 ปรับดีไซน์ปรับให้แตกต่างและเป็นการปรับครั้งแรกในรอบ 9 ปีเปิดทั่วโลกตั้งแต่ปีกลาย
ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 3 ชึ้นพร้อมตราดาวดวงใหญ่ในชุดกระจังกันชนหน้าใหม่ดีไซน์ให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย ใหม่!!ไฟหน้า Multibeam LED ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไฟหน้าขั้นสูงที่มาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะสามารถปรับระดับแสงไฟให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรทั้งยังมีการติดตั้งประตูสไลด์เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า 2 ฝั่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง
สะดวกสบายด้วยกระจกมองข้างแบบพับอัตโนมัติสีดำ ขอบหน้าต่างไม่มีโครเมียม ที่เปิดประตูสีดำ ส่วนไฟท้ายมาแบบสีขาวแดง LED บานกระจกฝาท้ายดีไซน์จะเล็กกว่ารุ่น V-Class ไม่มีคิ้วโครเมียมใต้กระจกหลัง ปิดท้ายด้วยล้อไลท์อัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R18 ตัวรถพื้นฐานเดียวกับ Mercedes-Benz V-Class แบบ Extra Long ช่วยเพิ่มขนาดในห้องโดยสารให้มีพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้นเริ่มที่
- ความยาว 5,370 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,928 มิลลิเมตร
- ความสูงเพิ่มเล็กน้อยเป็น 1,913 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,430 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
ในส่วนของห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่ง Lugano Leather 11 ที่นั่ง แบบ 4 แถว จัดรูปแบบการนั่งแบบ 3-3-2-3 พร้อมรางปรับเลื่อนเบาะแบบอิสระสําหรับที่นั่งผู้โดยสารทั้ง 3 แถว มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่ ที่มีความนุ่มและจับถนัดมือทั้งยังเพิ่มฟังก์ชั่นที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้าสำหรับผู้ขับขี่ด้วย Lumbar support และ Seat cushion สามารถปรับให้พอดีกับสรีระของผู้ขับขี่แต่ละคน ระบบกุญแจ KEYLESS-Start ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้โดยใช้แค่ปุ่มกด
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร (Thermotronic) ขับเคลื่อนความสุขและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทุกคนได้ตลอดการเดินทางพร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายมากสุด 1,410 ลิตร
คอนโซลหน้าใหม่หมดและดีไซน์ต่างจากรุ่น V-Class พร้อมมาตรวัดความเร็วกับรอบเครื่องยนต์พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ใหม่ ติดตั้งระบบปฏิบัติการ MBUX เวอร์ชั่นล่าสุด โดยระบบสามารถสั่งงานด้วยเสียงที่ตอบสนองต่อคำสั่ง “Hey Mercedes” ช่วยให้การควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในรถเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย
มาพร้อมหน้าจอดีไซน์ใหม่ขนาด 10.25 นิ้ว และ Smartphone Integration ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับระบบอินโฟเทนเมนต์ได้อย่างราบรื่น โดยรองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างง่ายดาย และเป็นครั้งแรกในรถตู้ที่ติดตั้ง Mercedes-Benz แอปพลิเคชัน และแพ็กเกจ Digital Extras ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่และการโดยสารไปอีกขั้น
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส OM654 ให้กำลังมากขึ้นทว่าให้อัตราสิ้นเปลืองที่ลดลงโดยให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 1,350-2,400 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุดโดยประมาณที่ 204 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขับเคลื่อนล้อหลังผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ช่วงล่าง Comfort Suspension ที่จะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร และเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถให้ปลอดภัยในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางไกลพร้อมมีอัปเกรดระบบช่วยเหลือการขับขี่ให้สูงขึ้นจากรุ่นเดิมทั้ง
- ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist)
- รักษาระดับความเร็ว (Cruise Control)
- ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- รักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist)
- ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งป้องกันล้อล๊อค ABS (anti–lock braking system) ป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (anti–lock braking system) ควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP® (Electronic Stability Program) ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างสําหรับผู้ขับขและผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยครอบคลุมระหว่าง A–D pillar
รักษาแรงเบรกขณะรถหยุดนิ่ง (Hold function) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill–Start Assist) ช่วยเปิดไฟเบรกแบบกระพริบขณะเบรกอย่างฉุกเฉิน พร้อมเทคโนโลยีกล้องแสดงภาพด้านหลังพร้อมระบบช่วยจอด เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมปุ่มควบคุมและระบบช่วยเหลือ Mercedes–Benz emergency call
จากรถตู้เพื่อการพาณิชย์ที่ได้รับการตอบรับจากยุโรปและบางประเทศกลายร่างเป็นรถตู้พรีเมียมพร้อมตอบทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกคนในทุกเส้นทางโดยขายรุ่นเดียว Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Pro ในราคาเดิม 3,100,000 บาทโดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่
- สีขาว (Rock Crystal White)
- สีเทา (Graphite Grey)
- สีเทา (Alpine Grey) สีใหม่
- สีเงิน (High-tech Silver) สีใหม่
- สีดำ (Obsidian Black)