เปิดตัวให้ได้สัมผัสกันไปแล้วสำหรับ MG EP Facelift หรือ MG 5 EV เอสเตท 5 ประตูที่กำลังไปได้สวยในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะโซนยุโรป
ล่าสุดอังกฤษพร้อมแล้วที่จะขายจริงโดยเผยโฉมแล้วที่งาน Goodwood Festival of Speed 2022 กับหน้าตาที่หล่อแบบเดียวกับ Rowe Ei5 ที่ขายในจีนเริ่มกันที่หน้าตาหล่อทันสมัยจากกระจังหน้าทรงทึบปรับขนาดให้เล็กลงขนาบข้างด้วยไฟหน้า Projector แบบ LED ออกแบบช่องเสียบใหม่ที่มองเห็นชัดเจนขึ้นในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตแบบสามเหลี่ยม โลโก้ MG ย้ายไปอยู่บนฝากระโปรงหน้าแล้ว ด้านข้างยังคงเดิมเพิ่มเติมกด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทนทั้งแบบ 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60R16 และขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 ด้านท้ายใหม่ด้วยไฟท้าย LED คิ้วโครเมี่ยมเส้นเล็กเชื่อมกันพร้อมกันชนหลังออกแบบใหม่และมีช่องทรงสามเหลี่ยมคล้ายกับด้านหน้าและราวหลังคา
ภายในแน่นอนว่าเปลี่ยนใหม่หมดชนิดลืมภาพเดิมๆได้เลยกับแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่หมดตั้งแต่มาตรวัดดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.25 นิ้วเชื่อมต่อความบันเทิงเต็มรูปทั้ง Apple Car Play Android Auto BlueTooth กับลำโพง 6จุด พร้อมช่องต่อ USB 4 จุด รวมถึง i-SMART ทำให้ทุกการเชื่อมต่อในรถมีความง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ตรวจสอบสถานะรถยนต์ และระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์ขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ สั่งการ ค้นหารถ Find My Car ตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ เป็นต้น เบาะนั่ง 5 ที่นั่ง ที่ตอนหลังสามารถพับได้แบบ 60 :40 เมื่อพับจะมีพื้นที่มากถึง 1,367 ลิตร (ไม่พับเบาะ 479 ลิตร)
ด้านขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้าอาจได้ขุมพลังใหม่แบ่งเป็น 2 แบบ ตั้งแต่ความจุ 50.3 kWh 163 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลถึง 320 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตฐาน WLTP และรุ่นแรงสุด มีความจุแบต 61.1 kWh 156 แรงม้า แรงบิด280 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 400 กม. ตามมาตฐาน WLTP ทั้งสองรุ่นให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ด้านการชาร์จทั้งสองรุ่นนี้ถ้าชาร์จช้า AC ประมาณ 11 ชั่วโมง และชาร์จเร็ว DC 5-80 % ทำได้ 40 นาที พร้อมระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จ่ายพลังงานจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น โดยระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
เบื่องต้น MG EP Facelift หรือ MG 5 EV พร้อมจะประกาศราคาที่อังกฤษเร็วๆนี้ ส่วนเมืองไทยยังคงปิดรับจอง MG EP Plus ชั่วคราวเนื่องจากปัญหา Chip Shortage หรือชิปขาดตลาด และ ขาดแคลนกราไฟท์วัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน รวมถึงเมืองจีนล็อกดาวน์
ที่มา Carscoops