MG ต้อนรับปีงู ส่งรถรุ่นใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 รุ่น เตรียมเปิดตัวภายในงาน Bangkok Motor Show 2025 มีความเป็นไปได้สูงที่จะเผยทั้ง MG ES5 และ MG IM6
สานต่อยอดขายในไทยปี 2567 ที่ผ่านมา MG ทำยอดขายได้มากถึง 17,239 คัน ลดลง 36.9% คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 3% โดยเป็นลำดับที่ 7 ของยอดขายรวมในไทย ปัจจุบัน MG มียอดขายสะสมรวมมากกว่า 200,000 คัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสู่การเติบโตในอนาคตสำหรับรถใหม่ 2 รุ่นที่จะเปิดตัวและเปิดราคาในงานเริ่มที่
MG ES5 เอสยูวีไฟฟ้าที่มาแทน MG ZS EV สร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน MSP (Modular Scalable Platform) ออกแบบมาโดยเฉพาะด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเด่นด้วยความหนาของตัวแบต 110 มิลลิเมตร เป็นแบตที่บางสุดในโลกให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 8 วินาทีมี 2 ทางเลือกเริ่มที่
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 49.1 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) 425 กิโลเมตรโดยชาร์จ หรือ 410 กิโลเมตร (์NEDC) กระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8.5 ชั่วโมง
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 62.2 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จ (CLTC)ทั้ง 515 และ 525 กิโลเมตร หรือ 497 และ 506 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จกระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 21 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 11.5 ชั่วโมง
รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW พร้อม One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) พร้อมระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อโดยด้านหลังมาแบบอิสระแบบ 5 จุดหรือ 5 Link พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)และความปลอดภัย ADAS หรือ MG Pilot รอบคัน
กับดีไซน์ภายนอกเท่คล้าย MG9 EV ด้วยกระจังหน้าทรงทึบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ทรงเรียบง่าย ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากาศแบ่ง 2 ฝั่งคล้าย MG CYBERSTER ประดับด้วยคิ้วชายล่างสีดำใต้กันชนหน้า
ด้านข้างเท่ด้วยราวหลังคาสีเงินดีไซน์บิ๊วอินน์พร้อมพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ กรอบกระจกส่วนบนตกแต่งโครเมียมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์หรูแบบดึงก้าน คิ้วชายล่างประตูสีดำกับสีเงินทรงหรู
ไฟท้าย LED แนวยาวคาดด้านท้ายพร้อมตรา MG และยังสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 17 พร้อมยาง 225/55R17 กับ 215/60R17 ใหญ่สุด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55R18
ภายในทันสมัยไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอมาตรวัดความเร็วสี TFT 10.25 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วชัดแบบ 2.5K HD รวบรวมการทำงานของแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto พร้อมลำโพง 4 กับ 6 จุด
ช่องเสียบ USB-C 2 จุดหน้า และ 1 จุดหลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ Zebra Smart System ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถ รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัวพร้อมหัวเกียร์หุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ชองเสียบ USB Type-C เบรกมือไฟฟ้า
เบาะนั่งคู่หน้ามีทั้งแบบปรับดวยไฟฟ้าและปรับธรรมดาโดยด้านคนขับปรับ 6 ทิศทางและด้านคนนั่งปรับ 4 ทิศทางเบาะหลังพับได้ 60/40 มีพื้นที่การขนของมากถึง 1,423 ลิตรกรณีพับเบาะและถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 462 ลิตร และ NVH LUXURY SILENCE SPACE เพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
อีกหนึ่งรุ่นที่เคยโชว์ตัวในไทยมาหลายครั้งครั้งนี้เอาจริงขายจริงกับ MG IM6 เอสยูวีมิดไซซ์พลังอีวีล้วนภายนอกหรูตั้งแต่ชุดกันชนหน้าและกระจังหน้าทรงทึบดีไซน์ใหม่ออกแบบคิ้วชายล่างดีไซน์ใหม่แบบต่อเนื่องสีเดียวกับตัวรถรวมถึงคิ้วมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวาออกแบบใหม่ไม่มีหางคิ้วอีกต่อไปพร้อมไฟตัดหมอกหน้าและไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED รูปตัวเจมาแบบรมดำ
ด้านข้างเท่ด้วยกระจกมองข้าง กระจกรถแบบไร้กรอบ Frameless แบบโอเปร่า ที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวถังรถ คิ้วชายล่างประตูสีดำ ไฟท้าย LED รมดำดีไซน์รูปตัวเอยาวจากซ้ายไปขวารับกับฝาท้ายมีสปอยเลอร์ในตัว ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว ขนาดยางหน้า 235/45 R21 และขนาดยางหลัง 265/40 R21 ทั้งหมดตกแต่งรมดำ
ภายในเรียบง่ายมีจอลอยตัวขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งแผงในชุดคอนโซลหน้าแบบ Full Frame ตั้งแต่ มาตรวัดความเร็วและแสดงข้อมูลตัวรถ Dalian LCD 26.3 นิ้ว Intelligent Immersive Touch Screens จอสัมผัสฝั่งผู้โดยสาร 10.5 นิ้วและจอสัมผัสแนวตั้ง 15.5 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ IM OS 2.0
ประมวลผลรวดเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295 เวอร์ชันใหม่ ลำโพง 20 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านในปุ่มควบคุมแบบเลื่อนมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 50W ช่องเสียบชาร์จ USB-C ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ปรับได้ถึง 256 สี ประตูท้ายแบบไฟฟ้าและหลังคากระจกพาโนรามิก
มาพร้อมกับเทคโนโลยียนตรกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดกว่า 100 เทคโนโลยี อาทิเทคโนโลยีระบบนำทางมาตรฐานโลกอย่าง IM AD เทคโนโลยีระบบการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวการเข้าจอดและการติดตามตำแหน่งที่สามารถ ทำได้เพียงกดปุ่มเดียว
ผ่านการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็นการจอดหรือการถอยรถ ฟีเจอร์ “ที่นั่งคนขับอัจฉริยะ” อัดแน่น ไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Scene Labels+Fusion Perception+MR Enhanced Display+Image Algorithms” เพื่อลดจุดบอดและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย
พื้นที่สัมภาระด้านท้ายมีความจุ 596 ลิตร และ 1,571 ลิตรกรณีพับเบาะและรุ่นปรับโฉมนี้อัพเกรดเบาะนั่งหน้าฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้าเอนเบาะได้สุด 121 องศาและพนักพิงเบาะนั่งหลังเพิ่มมุมอีก 19-37 องศา
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้พละกำลังสูงสุด 787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที ทำความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 800 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC)
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใช้เวลาประมาณ 18 นาที ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์ รัศมีวงเลี้ยว 5 เมตร ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลน มีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้นและช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ
พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคันการปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
จากการเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ประกาศเพิ่มการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นและรถใหม่ 2 รุ่นที่จะเปิดตัวและขายภายในงาน Bangkok Motor Show 2025 สานฝันตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 5% และวางหมุดหมายสำคัญในทศวรรษที่ 2 โดยการขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ Top 3 ของประเทศไทย
นำเสนอยานยนต์คุณภาพที่ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีตอบสนองความต้องการและตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยครบทุกเซกเมนต์ทั้งในกลุ่มเครื่องยนต์สันดาป ไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับ MG