เข้าสู่ช่วงปลายโมเดลสำหรับ MG ZS เจนที่ 1 ขายมายาวนานถึง 7 ปี และยอดขายสูงในแต่ละประเทศและเจนที่ 2 พร้อมที่จะรับช่วงต่อความสำเร็จ
ล่าสุด Carscoops เผยภาพเรนเดอร์ว่าที่เจนใหม่ของ MG ZS ด้วยหน้าตาคล้ายกับภาพสิทธิบัตรที่เคยนำเสนอไปด้วยหน้าตาทั้งคันใหญ่กว่าเจนปัจจุบันหล่อหรูด้วยไฟหน้า LED ทรงสปอร์ตด้านหน้าด้วยช่องระบายอากาศทรงรังผึ้งขนาดใหญ่ในชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED โลโก้ MG ติดบนกระจังหน้ากริตเตอร์ขอบใหญ่ขอบสีเดียวกับตัวรถ ประกบไฟหน้า LED ทรงสปอร์ต ด้านข้างกลมกลืนด้วยเส้นสายลงตัว พร้อมกระจกมองข้างติดไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูดึงก้าน ราวหลังคา
ไฟท้าย LED แบ่งเป็นสองฝั่งไม่แนวยาว ย้ายตำแหน่งป้ายทะเบียนท้ายมาอยู่ข้างๆไฟท้าย พร้อมกันชนหลังดีไซน์เท่และล้ออัลลอยดีไซน์เท่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R17 และขนาดเล็ก 16 นิ้ว นิ้วพร้อมยาง 215/60 R16 ทั้งเวอร์ชันสันดาปและไฟฟ้าตามารายงานอาจใช้แพลตฟอร์มต่างกันโดยเฉพาะ MG ZS EV อาจได้ใช้แพลตฟอร์ม Modular Scalable แบบเดียวกับ MG4 Electric
ภายในมีความคล้ายกับรุ่น ZS เจนปัจจุบันในส่วนของช่องแอร์คู่ขอบสีเงินตรงบริเวณชุดแผงคอนโซลหน้าส่วนกลางกับจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ ถัดลงมาเป็นปุ่มการทำงานของตัวรถแบบเปียโนมีความคล้ายกับ MG3 เจนใหม่และ MG4 Electric พร้อมกิ๊ปเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่ขอบสีเงิน พร้อมปุ่มเบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold และ ปุ่มโหมดการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์สวยและมาตรวัดดิจิทัลแสดงผลอัจฉริยะ (Digital Multi-function Display)
ขุมพลังอาจยกมาจากเจนปัจจุบันแต่ปรับเรี่ยวแรงใหม่ดังนี้ เบนซินเทอร์โบหัวฉีด TGI 1.3 ลิตร ให้กำลังมากสุด 156 แรงม้าที่ 5,200-5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร VTi–TECH รหัส 15S4C ให้กำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด
เครื่องยนต์ไฮบริดก็มีกับรหัส 15S4C 1.5 ลิตร ยกมาจาก MG3 เจนใหม่ เป็นเบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid Atkinson-cycle รหัส 15S4C กำลังสูงถึง 102 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 128 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถเร่งได้อย่างราบรื่นให้กำลังถึง 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 425 นิวตันเมตร
คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel
รุ่น ZS EV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ Lithium-Ion มีความจุ 50.3 kWh ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ที่ 8.6 วินาที และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีความจุ 50.3 kWh ทำให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมมีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น พร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถชาร์จในระหว่างขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับ ได้ถึง 3 ระดับ พร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Eco โหมด Normal และโหมด Sport
เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 ตามแผนเปิดตัวรถใหม่ ครบทุกความต้องการทั้งรถเก๋ง รถเอสยูวี มาทุกขุมพลังทั้งสันดาปและอีวี และก่อนหน้านั้น MG HS เจเนอเรชันที่สามจะเปิดตัวในปีเดียวกัน ส่วนเมืองไทยพบกันแน่นอนทั้งสองรุ่น
ที่มา Carscoops