อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ในงานเปิดตัว MINI เจเนอเรชันที่ 5 กับการแนะนำครั้งแรกในไทยสำหรับ MINI ACEMAN เอสยูวี 5 ประตูแบบซับคอมแพ็ค
ด้วยตัวรถมาในขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวในการใช้ขับขี่ภายในเมือง มาเติมเต็มอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าที่มองหาอีกหนึ่งตัวเลือกระหว่าง MINI COOPER และ MINI Countryman โดดเด่นด้วยการออกแบบขนาดตัวรถที่เน้นประโยชน์พื้นที่ใช้สอยสูงสุด ในขนาดที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป และดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่มินิบนท้องถนนให้สนุกเหนือระดับยิ่งกว่าที่เคยพกพาทั้งความคล่องตัวของครอสโอเวอร์ขนาดเล็กด้วย
- ความยาวตัวรถเพียง 4,709 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,754 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,514 มิลลิเมตร
ภายนอก Exterior
มีองค์ประกอบที่ไม่ซ้ำใครอย่างรูปทรงไฟหน้า การออกแบบเส้นสายบริเวณซุ้มล้อ กราฟฟิกไฟท้ายเฉพาะสำหรับรุ่นเอซแมน รวมถึงการออกแบบชิ้นส่วนกรอบสีดำบริเวณกันชนท้ายช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์ของมินิ เอซแมนยิ่งขึ้น ส่วนการออกแบบภายใน ยังเน้นย้ำประสบการณ์ดิจิทัลล้ำสมัยผ่านจอ OLED ทรงกลมเช่นเดียวกับมินิรุ่นอื่น ๆ พร้อมแผง Toggle Bar และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน
ภายใน Interior
มาในปรัชญาการออกแบบใหม่มาพร้อมระบบเสียง Harman Kardon surround sound เพื่อความบันเทิงที่เต็มอิ่มในทุกการเดินทาง พร้อมองค์ประกอบหลักและฟีเจอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลม ขนาด 9.44 นิ้ว แบบ MINI Interaction Unit โหมดการใช้งาน MINI Experience ที่มีอีกหนึ่งโหมดพิเศษเพิ่มมาจาก 7 โหมดใน MINI COOPER SE คือ โหมด Trail เน้นความเร้าใจสำหรับสายแอดเวนเจอร์ มาพร้อมฟังก์ชั่นอย่าง เข็มทิศ และกราฟฟิกต่างๆในระบบ Navigation เสริมฟีลลิ่งแบบออฟโร้ด
และยังมีระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant และฟีเจอร์ซอฟต์แวร์อันหลากหลายบนระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 รวมถึงแผงควบคุมดีไซน์ใหม่ในแบบ Toggle Bar ที่รวบรวมทุกฟังก์ชันสำคัญของการขับขี่เอาไว้ในจุดเดียวเพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าถึงได้ง่ายเบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60/40 โดยมีพื้นที่มากถึง 1,005 ลิตร
สมรรถนะ Performance
ยังคงเป็นขุมพลังไฟฟ้าล้วนครั้งนี้พัฒนาใหม่ให้แรงขึ้นวิ่งไกลขึ้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 54.2 kWh ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ฉับไวใน 7.1 วินาที วิ่งไกลสุด 405 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเป็นขุมพลังเดียวกับ MINI COOPER SE เจนใหม่
รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 5.45 ชั่วโมง ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 kW โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10-80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 31 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App
ความปลอดภัย Safety ให้มาอย่างครบครันด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
- ระบบช่วยจอด Parking assistant Plus
- กล้องบันทึกหน้ารถ Drive Recorder
- กล้องรอบคัน Surround View
- เตือนก่อนการชนด้านหน้า Post-Crash Collision Warning (PC iBrake)
- กระจายแรงเบรก Dynamic Brake Control (DBC)
- ควบคุมสเถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC)
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน
- ฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant
- แพ็คเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
เบื่องต้น MINI ACEMAN เตรียมเปิดราคาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้