หลังจากเปิดตัว MINI John Cooper Works เวอร์ชันเบนซินที่งาน Motor Show 2025 จนแฟนๆถามถึงว่าราคาจะเปิดตามมาด้วยหรือไม่
MINI John Cooper Works ในโฉมใหม่ เวอร์ชันเครื่องยนต์เบนซินภายใต้แนวทางการออกแบบของ New MINI Family เจเนอเรชันปัจจุบัน
ทั้ง MINI John Cooper Works และรุ่น Convertible โดดเด่นด้วยโลโก้ JCW แบบใหม่ที่ด้านหน้า พร้อมกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมสีดำเงาและช่องรับอากาศขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนท้ายรถก็เน้นความสปอร์ตด้วยดิฟฟิวเซอร์สีดำและชุดท่อไอเสียที่ติดตั้งตรงกลาง พร้อมล้ออัลลอย John Cooper Works ขนาด 18 นิ้ว แบบ Lap Spoke ทูโทน พร้อมยาง 215/40R18
ภายในเต็มไปด้วยโทนสีแดงและดำอันเป็นเอกลักษณ์ของ John Copper Works ทั้งพวงมาลัยสปอร์ต JCW สีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีแดงและหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อให้จับถนัดมือ เบาะสปอร์ต JCW ให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับขี่แบบสุดตัว ตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดงตัดกับหนังเทียมสีดำเช่นเดียวกับผิวหน้าของคอนโซล นอกจากนี้ ระบบ MINI Experience Modes
ในรุ่นนี้ ยังมีโหมด Go-Kart ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรถยนต์ตระกูล JCW โดยเฉพาะเพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัยให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และ แรง G แบบเรียลไทม์
พร้อมระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยมือของทีมงาน BMW บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP) เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายดายด้วยระบบสัมผัส แสดงผลด้วยภาพกราฟิกเคลื่อนไหวที่สวยงามในทุกหน้าจอ และทำงานร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆได้หลากหลาย
เช่นเชื่อมต่อกับแพ็คเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5G ในตัว และยังสามารถแสดงภาพสามมิติเพื่อช่วยนำทางผ่านจุดเลี้ยวที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ ส่วน MINI Connected Store ยังมอบแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ครบครันทั้งแอปเพื่อการใช้งานและความบันเทิง รวมถึงเกม แอปสตรีมเพลงและวิดีโอ
ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชให้เป็นกุญแจรถ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง
นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยและลำโพง Harman Kardon พร้อมมอบประสบการณ์ความสนุกแบบเพียวๆ บนท้องถนนในสไตล์เฉพาะตัวของมินิ และเพิ่มความพิเศษด้วยรุ่นเปิดประทุนที่เติมสีสันให้ทุกการเดินทาง
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที ภายใต้รหัส B48A20O2 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ที่ปรับจูนมาเพื่อสมรรถนะสูงสุด ส่งผลให้รุ่น JCW เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 6.1 วินาทีในรุ่น JCW ส่วนรุ่น JCW Convertible ทำเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใกล้เคียงกันที่ 6.4 วินาที
ขณะที่ความเร็วสูงสุดของทั้งสองรุ่นอยู่ที่ 250 และ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามลำดับ เมื่อต้องการโลดแล่นแบบรับลมด้วยการเปิดประทุน หลังคาผ้าของรุ่น JCW Convertible ก็สามารถเปิดออกได้ในเวลาเพียง 18 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
MINI John Cooper Works เปิดราคาจำหน่ายในไทยพร้อม MSI Standard Package คุ้มครองการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ดังนี้
- รุ่น JCW COOPER ราคา 3,399,000 บาท มีให้เลือกในสี Legend Grey (หลังคาสีแดง) Nanuq White (หลังคาสีแดง) และ Chili Red II (หลังคาสีดำ)
- รุ่น JCW Convertible ราคา 3,599,000 บาท ในสี Legend Grey