Mitsubishi Motors แนะนำ Mitsubishi Outlander PHEV รุ่นปี 2025 ปรับเล็กน้อยเพื่อตอบโจทย์สาวกทำให้แฟนๆค่ายทรีไดมอนด์ที่ประเทศญี่ปุ่น
ภายนอก Exterior
Mitsubishi Outlander PHEV MY2025 หน้าตาเดิมปรับลุคเล็กน้อยให้ดูหรูสง่าขึ้นตั้งแต่ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED เติมสีฟ้าในกรอบนอกปรับดีไซน์ชุดกระจังหน้าใหม่ในชุดคิ้วกระจังหน้าโครเมียมแบบ Dynamic Shield เสริมราศีให้ดูดีด้วยไฟหน้า Daytime LED ทรงเล็กรับกับกันชนหน้าแบบสปอร์ตเสริมคิ้วชายล่างสีเงินพร้อมไฟหรี่ ไฟสูงไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED พร้อมฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่เปิดแค่เฉพาะฝาเท่านั้นจากเดิมจะเปิดทั้งฝาและตัวกระจังหน้าด้วยกันพร้อมที่ฉีดล้างไฟหน้ารถ
ด้านข้างทรงเดิมทั้งกระจกมองข้างทรงสปูนที่เปิดประตูรถดึงก้าน ราวหลังคาพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ยาวจรดด้านท้ายกับแนวของโคมไฟหลัง LED แนวนอนเรียวเล็กออกแบบใหม่ ที่ฉีดล้างไฟหน้ารถ และไฟตัดหมอกหลัง LED เสา D ขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ลายใหม่ 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/45R20 จาก Bridgestone Alenza 001 และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18 มิติตัวรถปรับใหม่ตั้งแต่
- ความยาว 4,710 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,740-1,745 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 195-200 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,010-2,130 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร
ภายใน Interior
ภายในมาพร้อมข้าวของใหม่ๆด้วยลำโพงชุดใหม่จากค่าย YAMAHA ตั้งแต่ 8 จุดและ 12 จุด มอบเสียงที่สมจริงถึง 4 รูปแบบ พร้อมเพิ่มขนาดหน้าจอสัมผัสใหม่ขนาด 12.3 นิ้วแทนขนาดเดิม 9 นิ้ว พร้อมระบบนำทางในจอที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายมีระบบเบาะเย็น
ออปชันเดิมทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้าน มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ช่องแอร์แนวยาว กับเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอิสระ 3 ส่วน ตกแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียม และพร้อมจอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า full-color Head-Up Display (HUD) ขนาด 10.8 นิ้ว
ฟังก์ชันเชื่อมต่อ WIFI Internet in Car ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไม่สะดุดกับวิดีโอออนไลน์ เพลง เกม ฯลฯ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับส่งข้อมูล สามารถเลือกระยะเวลาการใช้งานได้ตามความต้องการพร้อมฟังก์ชันใหม่ในแอป My MITSUBISHI CONNECT” ตั้งค่าฟังก์ชัน “ล็อก/ปลดล็อกประตูจากระยะไกล” ช่วยให้ล็อกและปลดล็อกประตูได้โดยใช้แอปและช่องเสียบ HDMI
สามารถผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 W ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถเพื่อให้คุณได้สนุกสนานกับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่
สำหรับเบาะนั่งใหม่ ตกแต่งใหม่ทั้งเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทนลายเพชร สีดำน้ำตาล หรือ สีดำล้วน มาแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่งหรือแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่ง ตอน 2 พับได้แบบ 40:20:40 และตอน 3 พับได้แบบ 50:50 พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านท้าย 258-284 ลิตร แต่พับเบาะตอนสามแล้วมีพื้นที่มากถึง 634-646 ลิตร และเมื่อพับแถวตอนสองกับแถวสาม มีพื้นที่มากถึง 1,373 -1,390 ลิตร
สมรรถนะ Performance
แรงและประหยัดด้วยเบนซิน MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4B12 ให้กำลังถึง 128 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 195 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงถึง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า S91 และ 136 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง YA1
เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มความจุเป็น 22.7 kWh เดิมเป็น 20 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 380 แรงม้า แรงบิดรวม 645 นิวตันเมตร ถ้าวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้า EV อย่างเดียว วิ่งได้ไกลจากเดิม 87 กิโลเมตรมาเป็น 106 กิโลเมตร (WLTC) ในรุ่น M และจาก 83 กิโลเมตรมาเป็น 102 กิโลเมตร (WLTC)
จากการปรับปรุงในส่วนความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมการวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนอาจเพิ่มระยะทางไกลขึ้นให้ประสิทธิภาพการเร่งความเร็วที่ตอบสนองได้ดีกว่าและราบรื่นยิ่งขึ้น ชาร์จได้ทั้งชาร์จกระแสตรง DC พัฒนาใหม่ 30/80% ภายใน32 นาที และกระแสสลับ AC ประมาณ 7.5 ชั่วโมง ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super-All Wheel Control มีทั้งหมด 7 โหมด ตั้งแต่โหมด
- NORMAL
- ECO
- POWER
- TARMAC
- GRAVEL
- SNOW
- MUD
ระบบความปลอดภัยรอบคันทั้ง ถุงลมนิรภัย 11 จุด กับ ระบบ MI-PILOT Assist ประกอบด้วย ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ integrates Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA) ระบบอ่านป้ายจราจร the sign recognition system (TSR) เป็นต้น
Mitsubishi Outlander PHEV MY2025 ตลาดต่างประเทศประเดิมที่ยุโรปช่วงต้นปี 2025 ตามมาด้วย อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศอื่นๆในปีเดียวกัน ทางด้านญี่ปุ่นเปิดขาย 31 ตุลาคมในราคาเริ่มต้น 5,263,500-6,685,800 YEN หรือราว 1,189,000-1,509,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ารวมราคาจะอยู่ที่ 2,535,000-3,219,000 บาท ทั้งหมด 7 รุ่นย่อยทั้ง
- รุ่น M 5 ที่นั่ง
- รุ่น G 5 กับ 7 ที่นั่ง
- รุ่น P 7 ที่นั่ง
- พร้อม 2 รุ่นใหม่ทั้งรุ่น P 5 ที่นั่ง และรุ่น P Executive ทั้ง 5 กับ 7 ที่นั่ง
ที่มา Carwatch
ที่มาภาพ Tsuyoshi Yasuda