นอกจาก Mitsubishi Triton Athlete แล้วยังเปิดตัว Mitsubishi Triton MY25 เวอร์ขันยกสูงทั้งรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง
Mitsubishi Triton MY25 เติมความหล่อเข้มคล้ายรุ่นพิเศษ Black Edition เริ่มที่ กระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield พร้อมกรอบไฟตัดหมอกหน้า LED สีดำเงากระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 265/60 R18 ในรุ่น ULTRA
ส่วนรุ่นอื่นๆยังมีการเพิ่มออปชันเริ่มที่รุ่น Mega Cab Plus PRO เปลี่ยนเป็นไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้าและชุดไฟตัดหมอกหน้า LED และเป็นออปชันมาตรฐานของรุ่นอื่นๆ
เส้นสายบึกบึนออกแบบช่องไฟระหว่างด้านหลังตัวรถและแนวกระบะเป็นแนวทางเดียวกันงานนี้ไม่โค้งเหมือนแต่ก่อนแล้ว กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED กระจกหลังยังโค้งเช่นเดิมแถมมีคิ้วขอบล้อเพิ่มมาเติมความกลมกลืนกับตัวรถด้านท้ายมีสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H พร้อมล้ออัลลอยหลากหลายขนาดทั้ง ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 265/70 R16 ในรุ่น Mega Cab PRO 2 ประตู ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 265/65 R17 ในรุ่น PRIME ทั้ง Mega Cab และ Double Cab โดยมีมิตัวรถดังนี้
รุ่นสี่ประตู Double Cab คันนี้มีความยาว 5,320 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร ความสูง 1,795 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 222 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,895-1,900 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร มิติกระบะภายใน ความยาว 1,555 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,545 มิลลิเมตร ความสูง 525 มิลลิเมตร
รุ่นสองประตู Mega Cab คันนี้มีความยาว 5,320 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร ความสูง 1,795 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 222 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,835-1,860 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร มิติกระบะภายใน ความยาว 1,860 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,535 มิลลิเมตร ความสูง 515 มิลลิเมตร
ภายในทุกรุ่นเหมือนเดิมยกเว้นรุ่นยกสูง PLUS ULTRA 2 ประตูกับ 4 ประตู ยกระดับความพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยระบบฟอกอากาศ nanoeTMX ที่ติดตั้งอยู่กับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา มีคุณสมบัติในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
ให้ความสดชื่นและลดอาการอ่อนเพลียในการเดินทาง มาพร้อมเบาะที่นั่งหนังสังเคราะห์สีดำมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Heat Guard) ให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้ตั้งแต่รุ่น PRIME 4×4 4 ประตู Double Cab รุ่น PLUS PRIME และรุ่น PLUS ULTRA 2 ประตู Mega Cab กับ 4 ประตู Double Cab
แผงคอนโซลหน้าควบคุมภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ใส่ใจในทุกรายละเอียดใช้วัสดุคุณภาพสูงพร้อมตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มช่วยเสริมความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย
ภายใต้แนวคิด Mitsubishi Touch เน้นที่ความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ ดังนี้ ชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID 7 นิ้ว พวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด
กล่องเก็บของด้านหน้าช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือ แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง 1 จุด แท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม
จอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้วในรุ่น ULTRA และ 10 นิ้วในรุ่น PRO และ PRIME เชื่อมต่อทั้ง Android, Auto Apple Carplay ไร้สาย รองรับ FM/AM/MP3 พร้อมระบบนำทางในตัวจอ รองรับ FM/AM/MP3 ลำโพงติดรถ 4-6 จุด
เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าในรุ่น ULTRA 4 ประตู Double Cab เบาะด้านคนขับปรับด้วยมือ 6 ทิศทางในรุ่น PRIME 4 ประตู Double Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อและขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง Plus และรุ่น ULTRA 2 ประตู Mega Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง Plus เบาะด้านคนนั่งปรับ 4 ทิศทางปรับด้วยมือ และเบาะผ้าในรุ่น PRO 2 ประตู Mega Cab PLUS
เครื่องปรับอากาศมีให้เลือกทั้งแบบ อัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวาในรุ่น ULTRA 4 ประตู Double Cab PLUS และ 2 ประตู Mega Cab PLUS พร้อมช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลังในรุ่น 4 ประตู Double Cab เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติในรุ่น PRIME เครื่องปรับอากาศมือหมุน Full Mode Control ในรุ่น PRO 2 ประตู Mega Cab PLUS และมือจับหลังคา 7-8 ตำแหน่งในรุ่น 4 ประตู Double Cab และ 3 ตำแหน่งในรุ่น Double Cab
ดีเซลเทอร์โบแปรผันคลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine ขนาด 2.4 ลิตร 4N16 Mid Power ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,250ถึง2,500 รอบต่อนาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport +/- และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ระบบบังคับเลี้ยวจะเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงด้วยน้ำมันไฮดรอลิก ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพ ด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อน มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง Plus
ขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)
พร้อมควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวรถใหญ่ขึ้นด้วยโครงสร้างรถยนต์แบบขั้นบันไดที่พัฒนาขึ้นใหม่มีคานขวางที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการต้านทานแรงดัด (Bending Rigidity) และเสริมความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile Steel) ในอัตราส่วนที่สูงขึ้น ยังมีความแข็งแรงสมบุกสมบันที่เหนือชั้น ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense ทั้ง
- ใหม่!! ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) และฟังก์ชัน Stop&Go สามารถชะลอความเร็วของรถให้เองโดยอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง ในรุ่นยกสูง PLUS ULTRA 4 ประตู
- ใหม่!! ระบบล็อกความเร็ว Cruise Control ในรุ่น Mega Cab Plus ULTRA รุ่น Double Cab Plus PRIME และรุ่น Double Cab 4WD PRIME
- เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM (Forward Collision Mitigation System) ในรุ่น ULTRA
- สัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSW (Blind Spot Warning) ในรุ่น ULTRA
- สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) ในรุ่น ULTRA
- เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ในรุ่น ULTRA
- ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ในรุ่น ULTRA
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ใหม่!! ไฟหน้าปรับระดับสูงต่ำ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC (Active Stability Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCL (Traction Control System) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
เบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก เสริมแรงเบรก (BA) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัย ทั้ง 3 จุดและ 7 จุดรอบคันและเซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง และ กล้องมองภาพรอบคัน MAM (Multi Around Monitor) ในรุ่น ULTRA และกล้องมองภาพด้านหลังทุกรุ่น
Mitsubishi Triton MY25 มีสีภายนอกดังนี้ สีบรอนซ์เงิน Blade Silver Metallic สีขาวมุก White Diamond สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica มีดังนี้
- 4 ประตู Double Cab Prime ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,039,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 23,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS ULTRA AT 1,059,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 32,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS PRIME AT 959,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 21,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS PRIME 914,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 21,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PRO 722,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- 2 ประตู Mega Cab PLUS ULTRA AT 959,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 13,000 บาท)
- 2 ประตู Mega Cab PLUS PRO 749,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 9,000 บาท)