More

    Mitsubishi XFORCE HEV ช่วงล่างดี ประหยัดเกินคาด เครื่องเสียงเยี่ยม

    นับตั้งแต่เปิดตัวในไทยเมื่อ 20 มีนาคม Mitsubishi XFORCE HEV ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆทรีไดมอนด์และมือใหม่ย้ายค่ายมาลองครั้งแรก

    Mitsubishiจนวันนี้ Mitsubishi XFORCE HEV มียอดจองสะสม 2 เดือนมากกว่า 4,000 คัน สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 3,000 คัน เรียกว่ามาทีหลังกลับดังกลายเป็นดาวรุ่ง B-SUV มาแรงแซงทางโค้งและยังเป็นรถประกอบในไทยที่โรงงานแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี  

    เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความนิยมชั่วข้ามคืนของเอสยูวีพลังฟูลไฮบริดคันนี้กับเส้นทางการใช้งานในตัวเมืองและนอกเมือง ภูเก็ต-พังงา ระยะทาง 400 กิโลเมตรและรุ่นที่ได้ขับนั้นเป็นรุ่นท็อปสุด ULTIMATE X หน้าตาความหล่อนั้นถอดแบบจาก Mitsubishi XFC Concept ขัดเกลางานดีไซน์ให้ดูสปอร์ตขึ้น เริ่มที่ภายนอกทรงเท่เริ่มที่ไฟหน้า DRL แบบ LED พร้อมไฟหน้า LED ใต้โคมไฟ DRL มาในแบบรูปตัว T-Shaped โลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินในกรอบสามเหลี่ยมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Dynamic Shield เวอร์ชันใหม่ และไฟตัดหมอกหน้า LED

    ดีไซน์ด้านข้างออกแบบให้มีความกระฉับกระเฉงเส้นสายลงตัวออกแบบกระจกเสา C ให้เล็กลงกว่าเดิม กระจกมองข้างทรงสปูน ด้านท้ายมาแบบไฟท้ายรูปตัวทีแบบ T-Shaped LED ล้ออัลลอยลายห้าก้านดีไซน์เล่นระดับขลิบลิบสีน้ำเงินขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 ตัวรถคล่องตัวแบบ Sub Compact SUV ด้วยมิติตัวรถที่เล็กตั้งแต่

    • ความยาว 4,390 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,660 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 1,245 กิโลกรัม
    • ความสูงจากใต้ท้องรถ 183 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 1,420 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร

    Mitsubishiภายในอย่างเด็ดแม้ข้าวของบางอย่างหยิบยืมมาจากเพื่อนร่วมค่ายเริ่มที่แผงคอนโซลหน้าออกแบบเชื่อมกันกับแผงประตูคู่หน้ากันอย่างลงตัว จอคู่ที่ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัล LCD 8 นิ้ว ถูกออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิดเจ็ต (Multi-widget) จอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่างๆพร้อมกันบนหน้าจอเดียว อีกทั้งยังสามารถแสดงผลชุดมาตรวัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมาตรวัดสามช่องในรถระดับตำนานอย่าง Mitsubishi PAJERO โดยแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่

    จอสัมผัสขนาดใหญ่อยู่ในชุดเดียวกันขนาด 12.3 นิ้ว Smartphone-link Display Audio รองรับ Apple Car Play และ Android Autoแบบไร้สาย และ WebLink เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้บนหน้าจอขนาดใหญ่

    Mitsubishiติดตั้งลำโพงคุณภาพจาก Yamaha เป็น OEM ผลิตมาสำหรับเอสยูวีรุ่นนี้โดยเฉพาะในชื่อ Dynamic Sound Yamaha Premium รวมทั้งหมด 8 จุด ประกอบด้วย ทวิตเตอร์คู่หน้าที่ถูกติดตั้งบริเวณเสาหลังคา (A-Pillar) ลำโพงวูฟเฟอร์ที่ติดตั้งบริเวณแผงประตูคู่หน้า และลำโพงโคแอกเซียล (Coaxial) แบบ 2 ทาง ที่ประตูคู่หลัง อีกทั้งยังสามารถเลือกรูปแบบเสียงได้ถึง 4 รูปแบบ ตามรสนิยมและอารมณ์ในการฟังเพลง

    Mitsubishi

    ช่องเสียบ USB Type-A กับ Type-C ports ทั้งด้านหน้าและหลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน  แผงเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติดีไซน์เดียวกับ Mitsubishi Triton พร้อมระบบฟอกอากาศ nanoe™ X สร้างอากาศบริสุทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียลดอากาศเหนื่อยล้า สร้างความสดชื่นให้คุณตลอดการเดินทางไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านหน้า

    คอนโซลเกียร์ดีไซน์เก๋ออกแบบอย่างต่อเนื่อง และตู้แช่เย็นในกล่องคอนโซลกลาง เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ภายในมาในแบบ 5 ที่นั่งมีพื้นที่วางขาพื้นที่หลังคาที่โล่งโปร่งสบายๆพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้นด้วยเบาะหลังพับได้แบบ 40/20/40 ปรับเอนได้ 8 ระดับ พร้อมพื้นที่ด้านท้าย 231 ลิตร ในตอนไม่พับเบาะ เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำ-สีน้ำตาล ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทาง

    Mitsubishiประเทศไทยคือที่แรกของโลกที่แนะนำนำขุมพลังฟูลไฮบริดและขายก่อนใครกับ MIVEC แบบ e:MOTION จากรุ่น XPANDER HEV มาประจำการ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A92 ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 134 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตรพ่วงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 1.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 120 แรงม้า แรงบิด 127 นิวตันเมตร

    จากระยะทาง 400 กิโลเมตรนั่งกัน 3 คนตัวผู้เขียนเองขับเป็นไม้แรกด้วยระยะทาง 294 กิโลเมตร ไปกลับ ภูเก็ต-พังงา อากาศโปร่งสบายมีแดด เรี่ยวแรงดีตอบสนองรวดเร็วด้านการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ตามความเหมาะสมของช่วงความเร็วการสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเอตร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่สลับไปมาอย่างนุ่มนวลเดินเรียบ เงียบ ทรงพลัง แม้กำลังเพียง 120 แรงม้า

    Mitsubishiโหมดการขับขี่ของคันนี้ให้ถึง 7 โหมด 7 DRIVE MODE ปรับโหมดการขับขี่เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับทุกจุดหมายอย่างไร้กังวลท้ัง NORMAL (ถนนทั่วไป), WET (ถนนเปียก), GRAVEL (ถนนลูกรัง), TARMAC (ถนนลาดยาง), MUD (ถนนโคลน),CHARGE (โหมดการชาร์จ), EV PRIORITY (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%) แต่ได้ลองในบางโหมดเช่นขับขี่ทั่วไปโหมด NORMAL เร่งแซงดีตอบสนองดีเร้าใจ ขับง่ายไม่ว่าจะขับในเส้นถนนใหญ่ สองเลนสวน ที่ต้องใช้ความเร็วสูง

    ยิ่งทางขึ้นเขาลงเขากลับชอบมากเพราะโหมดการขับขี่ที่ชื่อ TRAMAC ตอบสนองฉับไวขึ้นมี Engine Brake ในตัวช่วยชะลอรถในเวลาลงเขาจากทางขึ้นกระทู้ไปป่าตอง ไม่ต้องใช้งานเบรกให้มากเกินไประบบจะจัดการเองทำให้ชะลอแบบธรรมชาติไม่หน่วง ขณะขึ้นทางลาดชันทางโค้งคดเคี้ยวระบบ TRAMAC ช่วยให้การทำงานในส่วนแรงดันเครื่องยนต์และมอเตอร์ปรับรอบเครื่องให้สูงขึ้นส่งผลให้พวงมาลัยน้ำหนักเพิ่มขึ้นควบคุมรถได้สบาย

    Mitsubishiถ้าต้องเจอสถานการณ์ลุยโคลนหรือถนนลูกรัง มีสองโหมดแนะนำนั่นคือโหมด GRAVEL (ถนนลูกรัง) และ MUD (ถนนโคลน) ลุยได้มั่นใจทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 21.0 องศา มุมจาก Departure Angle 30.5 องศา และมุมคร่อม break-over angle 20.5 องศา เรียกว่าเส้นทางไปบ้านพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัด หายห่วงลุยได้ชิวๆแม้จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า

    ระบบเกียร์อัตโนมัติแม้จะเป็น 2 สปีด 2-Speed Transaxle แต่ออกแบบมารองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายเมื่อทํางานร่วมกับเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยอัตราทดแบบ High 3.384 และ Low 4.588 ตัดต่อกำลังราบเรียบ สมูท อย่างดียิ่ง ช่วงล่างอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทที่ล้อหน้าและล้อหลังแบบทอร์ชันบีมจากชื่อเสียงช่วงล่างเด่นในรถมิตซูบิชิรุ่นอื่นฝากไว้ในเอสยูวีคันนี้บอกได้เลยว่า ยอดเยี่ยมให้ความหนึบ รีบาวนด์คอสะพานหรือรอยต่อถนนนุ่มนวล

    Mitsubishiเข้าโค้งคมเยี่ยมด้วยระบบ Active Yaw Control (AYC) ควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและขวาให้สามารถเรียกแรงบิดให้กระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกว่ากลมกล่อมลงตัวยิ่งได้ พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแบบ Rack & Pinion& Electric Power Steering: EPS ช่วยให้ที่มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ควบคุมดีน้ำหนักพวงมาลัยดีคล่องตัวสั่งได้ดังใจ

    อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทำได้ 16.5-17.0 กิโลเมตรต่อลิตรในสภาพขับขี่ทางไกลความเร็วสูงนอกจากนี้ยังวัดอัตราสิ้นเปลืองในเมืองภูเก็ตขับโดยนักข่าวอีกท่าน ด้วยระยะทาง 47.5 กิโลเมตร ฝ่าการจราจรอันแสนวุ่นวายใช้โหมด Normal สลับกับ EV เติมน้ำมันกลับเข้าไป 1.01 ลิตร (เงินที่จ่าย 33.7 บาท) ได้อัตราสิ้นเปลือง 47.02 กิโลเมตรต่อลิตร (ตกกิโลเมตรละ 1.40 บาท) โดยรวมไม่เลวเลยทีเดียว แม้ข้อมูลจากโรงงาน ตาม ECO STICKER 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร และความปลอดภัยมาครบแบบ Diamond Sense ทั้ง

    • เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM)
    • ล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC)
    • สัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BLIND SPOT WARNING WITH LANE CHANGE ASSIST (BSW WITH LCA))
    • เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)
    • ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB)
    • เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

    พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) กล้องมองภาพด้านกหลังรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) ตรวจสอบความดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System: TPMS)

    ดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) เสริมแรงเบรก (BA) ออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน เซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลังและเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)

    Mitsubishiด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นตามสไตล์มิตซูบิชิยุคใหม่ตัวรถกะทัดรัดสปอร์ตแม้จะติดใจตรงที่ชุดไฟท้าย LED ในส่วนไฟเลี้ยว ไฟถอย และไฟเบรกที่มันเล็กเกินไปแต่การออกแบบลำแสงนั้นให้สว่างเห็นชัดขึ้นมีฝาท้ายเปิดปิดด้วยไฟฟ้ามาด้วย ภายในเข้ามาอุ่นใจเย็นขึ้นด้วยเบาะนั่งสะท้อนความร้อนนั่งสบายโอบกระชับดีหัวหมอนใหญ่ มีที่วางแก้วหลายจุด พร้อมตู้แช่เย็นในกล่องคอนโซลกลาง ฟังไม่ผิดหรอกครับมีให้จริงๆแช่น้ำ แช่เครื่องดื่มเย็นๆดับกระหายในยามขับรถไกลๆ

    ลำโพง YAMAHA คุณภาพเสียงคมชัดอย่างมีมิติเพิ่มสุนทรียภาพและประสบการณ์ขับขี่ที่เพลิดเพลินยิ่งขึ้นเป็นจุดเด่นที่สร้างให้น่าสนใจขึ้นการชับชี่ไม่เป็นสองรองใคร แรงตามตัวด้วยพลังฟูลไฮบริดตอบสนองดี พวงมาลัยคม ช่วงล่างหนึบทรงตัวดีเยี่ยมไม่มีอาการโยนหรือดิ้น โหมดการขับขี่ 7 โหมดตอบโจทย์ดีทุกสภาพถนน

    Mitsubishi

    ในราคา 1,089,000 บาท ได้สีทูโทนหลายสีทั้งสีขาวหลังคาดำ White Diamond with Black Roof รุ่น ULTIMATRE X ได้สีเทาหลังคาดำ Graphite Gray with Black Roof สีเหลืองหลังคาดำ Energetic Yellow with Black Roof และสีแดงหลังคาดำ Spirit Red with Black Roof และสีโมโนโทน สีดำ Jet Black Mica

    เอสยูวีมาดลุยเล็กๆ ฟีเจอร์เด่นและราคาเอื้อมได้ ไม่แปลกใจที่นิยมมากจนมียอดจองมหาศาลในช่วงเวลาสั้นสำหรับ Mitsubishi XFORCE HEV รุ่นท็อป ULTIMATE X 

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts