More

    ลุ้นขายไทย!! NETA S Shooting Brake แวกอนทรงสปอร์ตที่ Motor Expo

    NETA เข้าร่วมงาน Motor Expo ด้วยรถยอดนิยมทั้ง NETA V-II และ NETA X สร้างยอดขายให้กระหึ่มในงานและล่าสุดส่ง NETA S Shooting Brake มาโชว์ด้วย

    NETA S Shooting Brake

    NETA S Shooting Brake แวก้อนทรงสปอร์โชว์สไตล์ยุโรปหน้าตาคล้ายกับ NETA S เวอร์ชันซีดาน

    ภายนอกเท่ทั้งคันเริ่มที่ชุดไฟหน้า LED สองชั้นเริ่มที่ ไฟ DRL LED ขนาดเล็ก ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED คู่ ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตปิดทึบพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่

    ด้านข้างดีไซน์อาจคล้ายๆกับ TESLA มาพร้อมกระจกแบบไร้กรอบ กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูเรียบเนียน Pop Out กระจกโอเปร่าขนาดใหญ่ เสา C กับ D ขยายใหญ่ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ 2 ตารางเมตร ด้านหลังมาพร้อมสปอยเลอร์และไฟเบรกดวงที่สามมีที่ปัน้ำฝนด้านหลัง ไฟท้าย LED แนวยาวรูปตัว T ช่องใส่ของด้านหน้าสำหรับรุ่น EV มีความจุ 45 ลิตร

    ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R19 และขนาด 20 นิ้วพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อมีคาลิปเปอร์สีแดง แพลตฟอร์มใหม่ SHANHAI Modular Architecture 2.0 มีมิติตัวรถดังนี้

    • ความยาว 4,980 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,480 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 2,980 มิลลิเมตร
    • ระยะต่าสุดจากพื้น 133 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถรุ่น EREV จะอยู่ที่ 1,960-1,970 กิโลกรัม และรุ่น EV 1,960-2,160 กิโลกรัม
    • ถังน้ำมัน 45 ลิตรในรุ่น EREV

    NETA Sภายในยกงานดีไซน์มาจากเวอร์ชันซีดานตั้งแต่คอนโซลหน้าที่อุดมไปด้วยชุดจอต่างๆทั้งหมดเริ่มที่ จอแสดงข้อมูลบนคอนโซลหน้า Head Up Display ขนาด 49 นิ้ว มาตรวัดดิจิตอลขนาด 12.7 นิ้วหลังพวงมาลัย

    จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 17.6 นิ้วคมชัด 2.5K พร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155P พร้อมลำโพงรอบคัน NETA SOUND 22 จุด ทิศทางเสียง 7.1.4 channels กำลังขับ 2,160 วัตต์ และ 11 จุด NETA Hi-Fi audio system ให้เลือก ตกแต่งภายในด้วยหนังสัมผัส ลายไม้ และสีเงินตกแต่งอย่างลงตัวมาในแบบ Smart Cockpit System

    NETA S

    เบาะนั่งหุ้มหนัง Alcantara พร้อมระบบอุ่นเบาะปรับความเย็นที่เบาะและนวดได้ 12 จุด เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 8 ตำแหน่งสำหรับคนขับและ 6 ตำแหน่งสำหรับคนนั่งเบาะหลังพับได้มีพื้นที่ขนของมากถึง 1,295 ลิตร ก่อนพับเบาะมีพื้นที่ 593 ลิตร และยังสามารถปูเตียงนอนได้หลังพับเบาะ ตู้เย็นขนาด 6.6 ลิตร เหมาะสำหรับการเดินทางไกล พิเศษด้วย หลังคาพาโนรามิกพร้อมฉนวนสามารถกันแสง UV ได้ถึง 99.9% และกันความร้อนได้ถึง 87.5%

    NETA Sขุมพลังมีให้เลือกทั้งเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนและเวอร์ชัน EREV เริ่มที่ รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้พลังมากถึง 503 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตรจากชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 91kWh ให้ระยะทางสูงสุด 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC) ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.9 วินาที โดยชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ได้ 42 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟ 11 kW

    รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังจากชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 64.84 kWh ให้กำลังมากถึง 272 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC) ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.95 วินาที โดยชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ได้ 21 นาที

    ขุมพลัง EREV หรือ Series Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป 1.5 ลิตร DAM15HE ให้กำลังเพียง 95 แรงม้าจากเดิม 116 แรงม้า ในการปั่นไฟพร้อมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Qilin ความจุ 43.88 kWh

    มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังรวมสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร พร้อมประสิทธิภาพทางความร้อนสูงกว่ารุ่น S Sedan วิ่งไกลในใหมดไฟฟ้าล้วน 300 กิโลเมตร และน้ำมัน 1 ถังกับชาร์จเต็ม 1 ครั้งรวมกันวิ่งไกลสุด 1,200 กิโลเมตร โดยเป็นรุ่นที่นำมาโชว์ในงาน Motor Expo

    ใช้เซนเซอร์ AT128 LiDAR ของค่าย Hesai ติดตั้งบนหลังคารถ พร้อม NETA Pilot 4.0 เทียบเท่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Autonomous Driving L4

    NETA S

    NETA S Shooting Brake เปิดราคาขายที่จีนทั้งเวอร์ชันอีวีล้วน  5 รุ่นย่อยเริ่มต้น 159,900-209,900 YUAN หรือราว 765,000-1,005,000 บาท ส่วนเวอร์ชัน EREV ขาย 2 รุ่นย่อยเริ่มต้น 169,900-179,900 YUAN หรือราว 815,000-865,000 บาท

    ด้านเมืองไทยทาง NETA ชูเทคโนโลยียานยนต์ใหม่แห่งอนาคต Super EREV (Super Extended Range Electric Vehicle) เตรียมที่จะเผยเทคโนโลยีนี้ในไทยตั้งแต่ปี 2025 แต่จะเป็นรุ่นนี้หรือ NETA L  ต้องติดตาม ส่วน NETA X เตรียมที่จะมีเวอร์ชันประกอบในไทยที่โรงงานบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลีช่วงปีเดียวกันรถใหม่พลัง Super EREV และจะมีรถยนต์รุ่นใหม่พลังงานไฟฟ้า 1 รุ่นทุกปีตั้งแต่ปีหน้า หวังก้าวสู่การเป็น TOP 5 แบรนด์รถยนต์ในประเทศไทยภายในปี 2030

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts