More

    เปิดโผรถใหม่…จ่อเข้างาน Motor Expo 2025

    กลับมาอีกครั้งกับงานแสดงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับ Thailand International Motor Expo 2025 ครั้งที่ 42 จัดโดย IMC สื่อสากล

    Motor Expo

    ภายใต้คอนเซปต์ “อลังการงานแสดง” หรือ “The Magnificent Motor Expo” โดยยังคงจัดที่เดิม IMPACT Challenger เมืองทองธานี ทั้ง 3 ฮออล์ บนพื้นที่ทั้งหมด 80,000 ตารางเมตร

    จัดแสดงยานยนต์ทุกประเภท พร้อมอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โดยมียานยนต์เข้าร่วมงานรวมแล้วกว่า 60 แบรนด์ แบ่งเป็นรถยนต์กว่า 40 แบรนด์ และจักรยานยนต์ อีกกว่า 20 แบรนด์ มากที่สุดในบรรดางานแสดงยานยนต์ทั่วอาเซียนทั้งแบบเปิดตัวครั้งแรก เปิดตัวก่อนหน้างานพร้อมส่งมอบเพื่อช่วยผลักดันให้ยอดขายรุ่งโรจน์ฟื้นจากความซบเซา สร้างความคึกคักให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมถึงสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล

    Motor Expo

    และเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดขายตลอดปี 2025 ถึงเป้ารวมทั้งปี 600,000 คัน ได้หรือไม่ เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถใหม่ที่จะเข้างานฯ เริ่มด้วย

    BMW : iX3 

    BMW

    เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่ใช้แพลตฟอร์ม NEUE KLASSE (NEW CLASS) มาใช้ใน BMW iX3 เจเนอเรชันที่ 2 ในรหัส NA5 ในรุ่น iX3 50 xDrive อาจมาโชว์ในงาน

    มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าเวอร์ชันใหม่ eDrive เจเนอเรชันที่ 6 ประกอบด้วยแบตเตอรี่แรงดันสูงพร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุดมีความจุ 108.7 kWh ผสมผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ EESM Drive System/ASM Technology เมื่อทำงานร่วมกันได้พลังสูงสุด 469 แรงม้า แรงบิด 645 นิวตันเมตร

    อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.9 วินาที มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 679-805 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 799-947 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 1 Speed

    จากสถาปัตยกรรม 800 V มาพร้อมการชาร์จไฟที่สมบูรณ์แบบทั้งแบบ DC กระแสตรง และ AC กระแสสลับเริ่มที่ชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 400 kW ใช้เวลาประมาณ 21 นาที ในการชาร์จไฟจาก 10–80% โดยชาร์จ 10 นาที วิ่งได้ 372 กิโลเมตร หรือ 438 กิโลเมตร (NEDC)

    และกระแสสลับ AC สูงสุดได้ที่ 22 kW ใช้เวลาประมาณ 5.45 ชั่วโมง ในการชาร์จไฟจาก 0-100% และ 11 kW ภายใน 11 ชั่วโมง รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายนอกทั้ง Vehicle-to-Load (V2L) แบบ AC สูงสุด 3.7 kW, Vehicle-to-Home (V2H) และ Vehicle-to-Grid (V2G) แบบ DC สูงสุด 11 kW

    BYD : ATTO 8

    BYD

    เอสยูวีใหญ่ 7 ที่นั่ง หรูด้วยธีมการออกแบบสไตล์ Loong Face ออกแบบโดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบ จากพื้นฐาน Super e-Platform ที่มาพร้อมขุมพลังทั้งปลั๊กอินไฮบริด DM-p ขับเคลื่อน 4 ล้อ วิ่งอีวี 152 กิโลเมตร (NEDC) และ วิ่งไกลทั้งระบบ 1,030 กิโลเมตร และ อีวีล้วน จับตารุ่นนี้จะว่าที่รถใหม่หรือไม่ต้องติดตาม

    CHANGAN : DEEPAL S07 FACELIFT, DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD, AVATR 11 Royal Edition

    DEEPAL

    ตามนโยบาย 3 ปีข้างหน้า มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อีกมากกว่า 7 โมเดลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครั้งนี้ได้นำร่องเปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอิดิชันรวม 3 รุ่น ประกอบด้วย

    DEEPAL S07 FACELIFT ยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขั้นสูง รองรับการชาร์จเร็ว30-80% ในเวลาเพียง 15 นาที มีระบบกันสะเทือนสไตล์ยุโรปช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความแม่นยำในการควบคุมรถ เสริมด้วยดีไซน์ล้อใหม่และความละเอียดอ่อนในการปรับรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการการออกแบบที่สดใหม่ในราคาคาดการณ์ 1,219,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวในราคา 1,099,000 บาท 

    DEEPAL

    DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD นวัตกรรมสำหรับการผจญภัยโดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและฟังก์ชันการใช้งานที่ปรับแต่งมาให้ตอบโจทย์การผจญภัยและการใช้งาน มาพร้อมการอัปเกรดดีไซน์ขององค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ ราวหลังคา ไฟสปอร์ตบนหลังคา ประตูท้ายอเนกประสงค์ สปอร์ตบาร์ กันชนเหล็กด้านล่าง และระบบล็อกเฟืองท้ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในราคาคาดการณ์ 1,249,000 บาท

    AVATR

    AVATR 11 Royal Edition นิยามใหม่ของความหรูหราระดับผู้นำ ด้วยความหรูหราระดับแนวหน้าด้วยปรัชญาการออกแบบที่เหนือกว่าและสมรรถนะล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับซูเปอร์คาร์ ช่วยปรับการหน่วงในเสี้ยววินาทีเพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายสูงสุด ตัวถังสองโทนสีเทาและดำตกแต่งด้วย เส้นขอบสีเงินสตาร์ไลน์สุดหรู เสริมด้วยล้อแม็กที่หล่อเป็นรูปดาว 7 แฉกขนาด 22 นิ้วช่วยเพิ่มพลวัตเสมือนงานประติมากรรม

    ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงห้อมล้อมด้วยหนังแท้แบบกึ่งอนิลิน (Semi-aniline leather) สี Rose-White พร้อมที่นั่ง VIP 4 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่พักผ่อนด้านหลังซึ่งมาพร้อมที่วางแขนแบบลอยตัว ฟังก์ชันนวด 8 จุด และระบบชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส เรียกได้ว่ารังสรรค์ทุกรายละเอียดมาเพื่อยกระดับการเดินทางสู่ประสบการณ์ทรงพลังที่ทั้งปราณีตและสง่างาม เตรียมเปิดตัวภายในงานพร้อมราคา

    CHERY : CHERY TIGGO 7 CSH, CHERY TIGGO 8 CSH, CHERY TIGGO Cross

    CHERY

    การกลับมาของแบรนด์แม่ของ OMODA&JAECOO อย่าง CHERY หลังจากประสบความสำเร็จกับรุ่นแรก CHERY V23 ภายในงานจะมีการเปิดตัวและราคาของ CHERY TIGGO 8 CSH และรุ่นอื่นทั้ง CHERY TIGGO 7 CSH และ CHERY TIGGO Cross เริ่มที่

    2 รุ่นจากตระกูล CHERY TIGGO ทั้ง CHERY TIGGO 8 CSH มาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH)

    ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) 18.4 kWh ที่มีด้วยกัน 2 ทางเลือกกับรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 347 แรงม้า แรงบิด 735 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC)

    CHERY

    และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยขุมพลังเดียวกันพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลัง 358 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 501 แรงม้า แรงบิด 735 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 78 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ในเวลา 6.8 นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed DHT Dedicated Hybrid Transmission

    วิ่งไกลในระบบปลั๊กอินไฮบริด (น้ำมันและไฟฟ้าทั้งระบบ) สูงสุด 1,200 กิโลเมตร (NEDC) สามารถชาร์จไดัทั้งชาร์จ กระแสตรง DC 30-80% กำลัง 40 kW ภายใน 20 นาที และ ชาร์จกระแสสลับ AC กำลัง 6.6 kW เต็ม 8.5 ชั่วโมง คาดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 9xx,000 บาท ขาย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น ESTEEM 2WD และ ELITE 4WD

    CHERY

    ส่วน CHERY TIGGO 7 CSH เอสยูวีย่อส่วนจากรุ่น TIGGO 8 CSH แบบ 5 ที่นั่งพกขุมพลังเดียวกันแต่ให้กำลังรวมสูงสุด 347 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 93 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) และวิ่งไกลทั้งระบบ 1,200 กิโลเมตร

    CHERY

    CHERY TIGGO Cross เอสยูวีเล็กมาแปลกกว่ารุ่นอื่นด้วยพลังฟูลไฮบริด 1.5 ลิตร  102 แรงม้า แรงบิด 125 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.837 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 190 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 10.8 วินาที

    DENZA : B5, Z9

    DENZA

    โกบอลโมเดลลำดับที่ 2 ต่อจาก DENZA D9 กับเอสยูวีพื้นฐาน BAO 5 จาก FANGCHENNGBAOเปลี่ยนตราเปลี่ยนสไตล์มาเป็น DENZA แบบ 5 ที่นั่งทรงกล่องพกพลัง Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร  ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 273 นิวตันเมตร บวกกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent magnet synchronous โดยมอเตอร์ล้อหน้า ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร และมอเตอร์ล้อหลัง 388 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 31.8 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 687 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.8 วินาที

    วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 100 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 118 กิโลเมตร (NEDC) และชาร์จหนึ่งครั้งและเติมน้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้ไกล 1,020 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 1,200 กิโลเมตร (์NEDC) พร้อมขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ มี 4L พร้อมโหมดการขับขี่ปกติทั้ง Eco Normal และ Sport และโหมดทางลุย Off Road Terrain 7 โหมดทั้ง MUD, Sand, Rock, Mountain, Wading และ Intelligent และ กำลังการชาร์จสูงสุด AC 7 kW และ DC สูงสุด 100 kW รองรับฟังก์ชัน V2L

    ลุ้นกันว่าเก๋งใหญ่อย่าง DENZA Z9 จะมาไทยทั้งแบบซีดานและเอสเตท Shooting Brake กับขุมพลังให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวให้กำลังรวมถึง 965 แรงม้า แรงบิด 1,150 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุ 100 kWh ให้ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 630 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.4 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW 30-80% และชาร์จ AC ได้

    ยังมีขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 299 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร

    ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) ชาร์จ 1 ครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,101 กิโลเมตร (CLTC)

    ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.6 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้ ประหยัด 17.86 กิโลเมตรต่อลิตรและความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบ ADAS ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็ม

    DFSK : E5 Plus

    DFSK

    หลังจากส่ง SERES 3 ออกขายในไทยและปรับราคาลงเหลือ 599,200 บาท ล่าสุดเสริมรถใหม่รุ่นที่ 2 นั่นคือ DFSK E5 Plus ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดรับพรีออเดอร์ จากทาง ADISON EV ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการกับขุมพลังปลั๊กอินไฺฮบริดวิ่งได้ไกลรวมสูงสุดถึง 1,412 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 1,200 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จและเติมน้ำมันเต็มถัง

    ในขณะเดียวกันก็สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง  152 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 129 กิโลเมตร (WLTP) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างประหยัด พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์และรับราคาสุดพิเศษภายในงานฯ

    FORD : Ranger Super Duty

    คาดว่าในงาน Motor Expo 2025 ได้พบกับ Ford Ranger Super Duty กระบะขับสี่สายดุ Wide Body คล้าย Raptor เน้นโหดดุอย่างแท้จริง ด้วยพลังเป็นดีเซล V6 เทอร์โบเดี่ยว ในรหัส BF2S ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke แต่มีการปรับกำลังลงจากเดิม 250 แรงม้า กลายเป็น 209 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC) มาแสดงโชว์ก่อนขายจริงปีหน้า

    GEELY : EX2, EX5 EM-i

    GEELY

    GEELY EX2 แฮทช์แบก 5 ประตูมาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอัจฉริยะ 11-in-1 ทั้งคู่ให้ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.9 วินาที มีให้เลือกถึง 2 ความแรง

    เริ่มที่รุ่น Standard Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า TZ160XS001 จาก GLB Power ให้กำลัง 78 แรงม้า แรงบิด 130 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 30.12 kWh วิ่งไกลตามมาตรฐาน CLTC 310 กิโลเมตร หรือ 299 กิโลเมตร (NEDC)

    รุ่น Extended Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า TZ160XS002 จาก GLB Power ให้กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 40.16 kWh วิ่งไกลตามมาตรฐาน CLTC 410 กิโลเมตร หรือ 396 กิโลเมตร (NEDC) ทั้ง 2 รุ่นรองรับโดยการชาร์จแบบเร็ว DC ภายใน 21 นาทีจาก 30-80% นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load)

    GEELY

    และอาจโชว์พร้อมขายในอนาคตกับ GEELY EX5 EM-i พื้นฐานเดียวกับเวอร์ชันอีวี เพียงแต่ใส่เครื่องยนต์ ลดขนาดแบต และมอเตอร์ลงสำหรับสาวกที่ยังไม่พร้อมที่จะคบอีวีล้วนบนพื้นฐานเบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 99 แรงม้า แรงบิด 125 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 262 นิวตันเมตรพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต LFP ความจุ 18.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 262 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า

    วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนทำได้ 83 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 98 กิโลเมตร (NEDC) แถมยังให้ระยะทางรวมต่อการชาร์จและการเติมน้ำมัน 1 ถัง 943 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 1,109 กิโลเมตร (NEDC) อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 41.67 กิโลเมตรต่อลิตร (WLTP) ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 30 kW 30-80% ภายใน 20 นาทีและชาร์จ AC 6.6 kW ได้

    มีฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) 3.3 kW สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ รวมทั้งยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น

    GWM : GWM POER SAHAR Diesel, GWM WEY G9 Hi4

    GWM

    ประสบความสำเร็จจากการนำขุมพลังสันดาปล้วนมาให้คนไทยได้รู้จักกับ GWM TANK 300 Diesel และ GWM TANK 500 Diesel รถใหม่ลำดับที่ 3 พลังดีเซลอย่างกระบะ GWM POER SAHAR หัวใจใหม่กับดีเซลเทอร์โแปรผัน 2.4 ลิตร ให้กำลังถึง 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part Time สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตรเข้ามาตีตลาดเจ้าใหญ่แดนปลาดิบ

    GWM

    รวมถึง GWM WEY G9 Hi4 จะเข้าไทยปีนี้กับเอ็มพีวีหรูด้วยหลังคาแบบ Sky Dome ตกแต่งด้วยดวงดาวถึง 830 ดวง รวมถึงดาวตกแบบนิ่งและแบบเคลื่อนไหว สร้างโดมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ดูมีชีวิตชีวา แสงนุ่มนวลสลับกับเอฟเฟกต์ฮาโล เพื่อมอบบรรยากาศเฉพาะตัวที่ช่วยให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบเสมือนอยู่ในห้วงอวกาศ

    พร้อมพลังปลั๊กอินไฮบริดเทอร์โบ 1.5 ลิตรได้แรงม้ารวม 487 แรงม้า แรงบิดรวม 762 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 140 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 135 กิโลเมตร (NEDC)  ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC และชาร์จกระแสสลับ AC

    HYUNDAI : STARGAZER Facelift

    Hyundai

    เรียกว่าเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปีของเอ็มพีวีแดนโสมครั้งนี้ไม่ได้เป็นหม้อทอดเหมือนรุ่นพี่อีกต่อไปทั้งรุ่นปกติและเอ็กซ์สไตล์เอสยูวีลุย ปรับหน้าตาทั้งด้านหน้า ด้านท้าย ภายในกับขุมพลังเดิม 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร

    ISUZU : D-MAX FACELIFT, MU-X MY2026, D-MAX EV

    ISUZU

    เรียกว่าเปิดตัดหน้าพี่โตสำหรับ ISUZU D-MAX ไมเนอร์เชนจ์หน้าที่ 4 ในรอบ 6 ปี ที่ครั้งสมใจแฟนๆที่รอคอยนอกจากหน้าใหม่ลุคใหม่แล้วเพิ่มออปชันทั้ง พวงมาลัยไฟฟ้า กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และ ADAS เพิ่มมาอีก 4 รายการในราคาเพิ่มจากเดิม 20,000 บาท สำหรับรุ่นท็อป แต่รุ่นอื่นๆยังราคาเดิมอีก 30 รุ่นย่อย และการกลับมาของ X-Series

    รวมถึง MU-X MY2026 ปรับออปชันบนหน้าเดิมด้วยช่วงล่าง STIFF FLEX ทุกรุ่น กับการเพิ่มออปชัน ADAS ในรุ่น ACTIVE และ ELEGANT และกล้องรอบคัน 360 องศา ในรุ่น ULTIMTAE พร้อมราคาเดิมทุกรุ่นย่อย และแพ็คเก็จแต่งรถ TOP SECRECT ท้ายใบหยก สำหรับ D-MAX ก็มาโชว์และเปิดจองในงานด้วย

    ISUZU

    และลุ้นกันว่า ISUZU D-MAX EV ปิกอัพอีวีที่ขายนอร์เวย์ กับอังกฤษ นั้น จะมาเซอร์ไพรส์ เปิดโชว์และรับจองในงานด้วยหรือไม่? กับขุมพลังด้วยชุดมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time และเฟืองท้ายภายใต้ “eAxle” พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แรงม้ารวมสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดรวม 325 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแบบ City Mode 361 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 425 กิโลเมตร (NEDC) และวิ่งไกล 263 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 309 กิโลเมตร (NEDC) ให้ความเร็วสูงสุดมากกว่า 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 66.9 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 10.1 วินาที

    KIA : CARNIVAL HEV

    KIA

    เอ็มพีวีแดนโสมพกพลังฟูลไฮบริดเทอร์โบ 1.6 ลิตร ให้กำลังรวม 245 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร สบายแบบ 7 ที่นั่งพร้อมความสบายแบบ 7 ที่นั่ง ในราคาเริ่มต้น 2,499,000-2,699,000 บาท

    LEAPMOTOR : C16/T03

    LEAPMOTOR

    พระนครออโตโมบิลในเครือ PNA Group ผู้จำหน่าย LEAPMOTOR จากกลุ่ม STELLANTIS อย่างเป็นทางการในไทยเดินหน้าส่งรถใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึง 2 รุ่นหลังเปิดตัว LEAPMOTOR B10 ไปแล้วกับ

    LEAPMOTOR C16 เอสยูวีหรูรุ่นใหญ่พื้นฐาน LEAPMOTOR C10 ขยายความยาวรองรับความสบายแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+2 ตัวรถใหญ่โตสมฐานะกับขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรหัส TZ220XY008 พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 67.7 kWh เป็นแบต LFP จาก Zenergy ให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 520 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 502 กิโลเมตร

    ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Silicon Carbide แรงดันสูง 800V ชาร์จ DC จาก 30%–80% ใช้เวลาเพียง 15 นาที ชาร์จ AC 30%–80% ใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.37 วินาที

    LEAPMOTOR

    และขุมพลัง EREV มาพร้อมพลังเบนซิน รหัส H15R 1.5 ลิตรให้กำลัง 95 แรงม้าในการปั่นไฟ พร้อมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 28.4 kWh จาก CALB ใช้ในการขับเคลื่อน เมื่อทำงานร่วมกันสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 193 กิโลเมตร (NEDC) และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,095 กิโลเมตร ประหยัดน้ำมัน 16.16 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.46 วินาที ชาร์จ AC 30%–80% ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงและชาร์จ DC จาก 30%–80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที ทั้ง 2 ความแรงคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single speed Gearbox พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Easy/Sport/Custom และความปลอดภัย ADAS

    LEAPMOTORและ LEAPMOTOR T03 ซิตี้คาร์ทรงกล่อง 5 ประตูประกอบที่โรงงาน Tychy ของ STELLANTIS ประเทศโปแลนด์ตัวรถขนาดที่เล็กกะทัดรัดเริ่มที่ความยาว 3,620 มิลลิเมตร กว้าง 1,652 มิลลิเมตร สูง 1,577 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,400 มิลลิเมตร

    ภายในออกแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้ากับมาตรวัดความเร็วดิจิทัล TFT ขนาด 8 นิ้ว อยู่ด้านหลังพวลมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว คอนโซลกลางมีเพียงช่องเสียบ USB และ ช่อง Power Outlet และที่วางแก้วน้ำ มาพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พื้นที่สัมภาระด้านท้าย 508 ลิตร

    LEAPMOTORมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 37.3 kWh ชร์จไฟวิ่งไกลสุด 265 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 312 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการารฺจไฟแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 10–80% ในเวลา 36 นาที และความปลอดภัยด้วย ADAS  LEAP Pilot Driver Active Safety Assistance 10 อย่าง ประกอบด้วยกล้อง 3 ตัว เรดาห์ 5 จุด และถุงลมนิรภัย 6 จุด โดยขายที่ยุโรปเริ่ม 18,900 ยูโร หรือประมาณ 715,000 บาท

    จับตา 2 รุ่นใหม่จากค่าย LEAPMOTOR ที่จะมาเผยโฉมที่ไทยปลายปีนี้จะทันเข้างาน Motor Expo 2025 หรือไม่ต้องติดตาม

    MAZDA : 6e, CX-60 

    Mazda

    Global Product บุกตลาดทั่วโลกนอกรวมถึงไทยนั่นคือ Mazda 6e ด้วยขุมไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Lithium Ternary (NMC) พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management)ให้ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/COMFORT/SPORT/CUSTOMIZE ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือก

    รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 479 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 564 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

    ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 200 kW ได้ในเวลา 22 นาที และชาร์จเร็ว 15 นาที ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 235 กิโลเมตรชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 8 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.6 วินาที

    รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 kWh ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 552 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 649 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 95 kW ได้ในเวลา 45 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 9.30 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที โดยรุ่นเตรียมเปิดตัวในไทยปลายปีนี้

    Mazda CX-60

    และเอสยูวีรุ่นหรู Mazda CX-60 เอสยูวีหรู 5 ที่นั่งใหญ่กว่ารุ่น CX-5 พกพลัง หลากหลายเริ่มที่ ขุมพลังสันดาปล้วน SKYACTIV ดีเซลล้วนเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง SKYACTIV-D 3.3 ลิตร  ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เบนซินล้วน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร

    ขุมพลัง e-SKYACTIV Mild Hybrid 48 V มีทั้งดีเซลเทอร์โบ e-SKYACTIV D 3.3 ลิตร 6 สูบ 254 แรงม้าแรงบิด 550 นิวตันเมตร เบนซินเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง e-SKYACTIV Turbocharged 3.3 ลิตร 6 สูบ 284 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ทั้งคู่มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้าที่ 900 รอบต่อนาทีแรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสุด 0.33 kWh

    ขุมพลัง Plug In Hybrid e-SKYACTIV มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ  188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตร และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร

    MERCEDES-BENZ : CLA with EQ Technology, GLC with EQ Technology 

    Mercedes-Benz CLA

    รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในเซกเมนต์คอมแพ็คจากค่ายตราดาวประกอบไทยในราคาที่จับต้องได้ด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังตอบโจทย์ในทุกมิติ

    ทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion 800V ขนาด 85 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 932 กิโลเมตร (NEDC)

    มีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร มาในรุ่น CLA 250+ with EQ Technology เป็นอีวีหรูลำดับที่ 7 ที่เตรียมเผยโฉมครั้งแรกในงานฯ

    Mercedes-Benz

    และอาจได้เห็น Mercedes-Benz GLC 400 4MATIC with EQ Technology มาแทน Mercedes-Benz EQC with EQ Technology โดยใช้แพลตฟอร์มใหม่หมดจากสถาปัตยกรรม MB.EA เพื่อรถอีวีโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานรุ่น GLC แพลตฟอร์ม MRA2 มาโชว์

    ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 490 แรงม้า รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion 800V ขนาด 94 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 713 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP หรือ 839 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.3 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    Mercedes-Benz

    มีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 330 kW ภายใน 22 นาที โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 300 กิโลเมตร และ AC 11-22 kW รองรับการจ่ายไฟจากแบตเตอรี่รถไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า Vehicle-to-Load (V2L) ไปยังบ้าน Vehicle-to-Home (V2H) และโครงข่ายสาธารณะ Vehicle-to-Grid (V2G)

    MG : IM5 

    MG

    ค่ายนี้ฮิตไม่เลิกกับการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบไม่จำกัดระยะทางสำหรับรถอีวีทุกรุ่นของค่ายและครั้งนี้อาจมีรุ่นใหม่มาโชว์เพื่อหยั่งกระแสก่อนขายจริงกับสาขาสองของ MG IM6 เวอร์ชันซีดาน พกสมรรถนะขับเคลื่อน EV มีให้เลือก 3 รุ่น

    • รุ่น Premium RWD (400V LFP, 75kWh กำลังสูงสุด: 295 แรงม้า / แรงบิด 450 นิวตันเมตร 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: 6.8 วินาที ระยะทาง: 550 กิโลเมตร (NEDC) / 490 กิโลเมตร (WLTP) DC Fast Charge: 30–80% ใน < 20 นาที
    • รุ่น Platinum RWD (800V NCM, 100kWh) กำลังสูงสุด: 408 แรงม้า / แรงบิด 500 นิวตันเมตร 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: 4.9 วินาที ระยะทาง: 755 กิโลเมตร (NEDC) / 655 กิโลเมตร (WLTP)
    • รุ่น Performance AWD (800V, 100kWh) กำลังรวม: 778 แรงม้า / แรงบิด 802 นิวตันเมตร 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง : 3.2 วินาที ระยะทาง: 625 กิโลเมตร (NEDC) / 575 กิโลเมตร (WLTP) DC Fast Charge: 30–80% ใน < 15.2 นาที

    MITSUBISHI : XPANDER HEV Facelift

    Mitsubishiปรับโฉมเป็นรอบที่ 4 แล้วสำหรับ Mitsubishi XPANDER HEV ทั้งรุ่นปกติและรุ่นแต่งลุย XPANDER CROSS HEV ครั้งนี้เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้นด้วยยด้วยถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา รวมถึงระบบ AYC ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ จากเดิมจะอยู่ในรุ่น CROSS ก็จะมาประจำการในรุ่นปกติด้วย จับตา Mitsubishi PAJERO เจนใหม่พื้นฐาน Trion มาโชว์ก่อนหรือไม่ ต้องติดตาม

    NISSAN : X-Trail e-Power

    Nissan

    มาเสียทีกับ Nissan X-TRAIL e-Power เจเนอเรชันที่ 4 ในรหัส T33 มาพร้อมขุมพลัง e-Power Turbo เจเนอเรชันที่ 2 เปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้า แบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน VC-Turbo 3 สูบ ให้กำลังถึง 144 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น BM46 AC3 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 204 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตรในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งโหมด Sport, Snow, Auto และ ECO

    ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE พื้นฐานเครื่องยนต์ แรงม้า แรงบิด เท่ากันแต่ว่ามีการปรับในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า BM46 เป็น 204 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 136 แรงม้าที่ แรงบิด 195 นิวตันเมตร ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 340 แรงม้าเพิ่มแรงบิดเป็น 525 นิวตันเมตร  พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด ทั้ง Sport, Off-Road, Snow, Auto และ ECO คาดมาไทยปลายปีนี้

    OMODA x JAECOO : JAECOO 6T EV, OMODA C9 SHS, OMODA C5 HEV, JAECOO 5 HEV, OMODA C5 EV Facelift, JAECOO 6 EV CKD

    JAECOO 6T EV

    ปีนี้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ JAECOO 6T EV และ JAECOO 6 EV ประกอบไทยภายในไตรมาสที่ 3

    พบกับ OMODA C9 SHS พร้อมกับรุ่นใหม่ขุมพลังไฟฟ้าขยายระยะทางอีก 1 รุ่น หรือ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) ทียังไม่มีข้อสรุปพร้อมรุ่นฟูลไฮบริด 2 รุ่น ทั้ง OMODA C5 HEV กับ JAECOO 5 HEV และการปรับโฉมของ OMODA C5 EV

    JAECOO 6T EV หรือ iCAR 03T นำพื้นฐานของ JAECOO 6 EV หรือ iCAR 03 ตกแต่งให้หล่อสมาร์ทกว่าจากแพลตฟอร์ม i-MS Platform ใหญ่กว่า JAECOO 6 EV เล็กน้อย พร้อมขุมพลังอีวีด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Qida Permanent magnet Motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 0.5 ชั่วโมง และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW

    จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 69.77 kWh มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 520 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 502 กิโลเมตร (NEDC) โหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport

    รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 95 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในระยะเวลา 6.5 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 501 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 483 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport, Snow ,Mud, Sand ในระบบ iWD intelligent electric 4-wheel drive

    OMODA C9

    OMODA C9 SHS นำพื้นฐานจากจาก EXEED YAOGUANG หรือ EXEED RX เปิดตัวจีนเมื่อปี2022 ขายต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้าจริตของตลาดโลกด้วยการแปะตรา OMODA

    พกขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด SHS ด้วยเบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวตันเมตรพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังรวมสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดรวม 700 นิวตันเมตร แบ่งเป็นล้อหน้า 224 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตรและล้อหลัง 238 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 618 แรงม้า แรงบิด 915 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน WLTC และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทั้งระบบทำได้ 1,100 กิโลเมตรตามาตรฐาน CLTC หรือ 1,046 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC รองรับกำลัง 6.6 kW 0-100% ภายใน 5.5 ชั่วโมงและกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จ 40 kW จาก 30-80% ในเวลาเพียง 25 นาทีพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)

    Subaru : Forester 

    Subaru

    รุ่นแรกของไทยที่กลับมาขายอีกครั้งในรูปแบบนำเข้าจากญี่ปุ่นในร่างเจนใหม่ เจนที่ 6 พกพลังสูบนอน 2.5 ลิตร เครื่องเดียวกับพี่ใหญ่ Outback 185 แรงม้า แรงบิด 247 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ LINEARTRONIC CVT 8 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE ช่วยในส่งถ่ายกำลังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อด้านหน้าแบบ Macpherson Strut ด้านหลังแบบ Double Wishbone พร้อมระบบความปลอดภัย EyeSight 4.0 กล้องตรวจจับมุมกว้าง Wide-Angle Monocular ถึง 3 จุด และความปลอดภัยในรถราคาระดับ 5 ล้านบาทมีแต่ ซูบารุใส่ให้ในเจ้าป่าเจนใหม่กับ Emergency Driving Stop System (EDSS) ช่วยหยุดรถฉุกเฉินอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองในราคา 2,590,000 บาท

    Suzuki : FRONX, eVITARA

    Suzuki

    หลังจากที่ Suzuki ตัดสินใจปิดไลน์ผลิตในไทยภายในปีนี้ พร้อมขายรถนำเข้ารุ่นใหม่จากกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนและเอเชียไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย ทั้ง สันดาป ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอนแต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    ประเดิมด้วย Suzuki FRONX เอสยูวีนำเข้าจากอินโดนีเซียในราคา มาพร้อมเบนซิน Mild Hybrid SHVS ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พ่วงด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน 12V ครั้งนี้ขยายความจุใหญ่ขึ้นเป็น 10 Ah หรือ 0.12 kWh จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ISG WA06A ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ถึง 3 แรงม้า แรงบิด 60 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าความปลอดภัยจัดเต็มกับ Suzuki Safety Support ในราคาเริ่มต้น 689,000-799,000 บาท

    Suzuki

    Suzuki e VITARA ประกอบที่โรงงาน Suzuki Motor ที่เมือง Gujarat ประเทศอินเดียที่พกขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) ขนาด 49 kWh ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตรในรุ่น Standard 2WD

    มาที่รุ่น Extended 2WD ขยับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตร และรุ่น Performance 4WD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ “ALLGRIP-e” ทีมี eAxles คู่ทั้งล้อหน้าและล้อหลังพร้อมล็อกเฟืองท้าย Limited Slip Differential พร้อมโหมด TRAIL

    ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดรวม 300 นิวตันเมตรแบ่งเป็นมอเตอร์ล้อหน้า 174 แรงม้า และมอเตอร์ล้อหลัง 65 แรงม้า คาดว่าวิ่งไกลสุด 243 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 286 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC พบกันปลายปีทันงาน Motor Expo 2025

    Toyota : HILUX TRAVO, bZ4X Facelift

    Toyota

    หลังเปิดตัวที่แรกของโลกที่เมืองไทยสำหรับ Toyota Hilux TRAVO กระบะเจนใหม่หน้าใหม่ภายในใหม่แต่ขุมพลังเดิมพัฒนาใหม่ขนาด 2.8 ลิตร High Power 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร กับ Mid Power 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 1,400–3,400 รอบต่อนาทีในรุ่นเกียร์ธรรมดา คาดว่าระบบส่งกำลังจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift ยกมาจาก Toyota Land Cruiser

    อาจเสริมระบบ Mild Hybrid ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 204 แรงม้า พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าในชุดเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับ DC-DC Converter แปลงความต่างศักย์ไฟฟ้ากระแสตรงไปใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ ประจุเข้าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V น้ำหนักประมาณ 7.6 กิโลกรัมติดตั้งใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงมีอีวีล้วนเข้ามาโดยเปิดขายและโชว์หล่อที่งานเป็นครั้งแรก

     

    รวมถึงการเผยราคาของ Toyota bZ4X รุ่นปรับโฉมให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับสี่ วิ่งไกลสุด 570-600 กิโลเมตร (NEDC) ในราคาเริ่มต้น 1,5xx,xxx-1,6xx,xxx บาท

    Volvo : ES90, S90 Facelift, XC60 Facelift

    Volvo

    Volvo ES90 เก๋งไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) เดียวกันกับ Volvo EX90 โดยมาในชื่อรหัสโครงการ V551 ใหญ่ทั้งคันและเมื่อเทียบกับ BMWi5 จะพบว่าตัวรถสั้นลง 61 มิลลิเมตร สูงขึ้น 32 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 45 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวกว่า 105 มิลลิเมตร

    ขุมพลังไฟฟ้าจากเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมการจ่ายไฟระดับ 800V ด้วยความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 92 kWh ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 755 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง NEDC ให้กำลังรวม 333 แรงม้าที่ 4,900-8,300 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 0-4,900 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.6 วินาที

    ชาร์จเร็ว DC 10-80% ภายใน 22 นาที รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 300 kw นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้ไกล 275 กิโลเมตร ภายใน 10 นาที มาพร้อมระบบชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ภายใน 10 นาที

    พร้อมระบบ LiDAR (Light Detection and Ranging System) 1 ตัวแล้วยังมีกล้อง 7 ตัว,เรดาห์ตรวจจับวัตถุ 5 ตัว เซนเซอร์แบบอัลตร้าโซนิค 12 ตัวรอบคันเพื่อมอบมุมมอง 360 องศา แบบเรียลไทม์สำหรับผู้ขับขี่ผสานกับระบบความปลอดภัยในตัวรถเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การทำงานของฟังก์ชั่นช่วยเหลือเพื่อการขับขี่อย่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวผู้ขับในห้องโดยสารอีก

    พร้อมระบบช่วยการขับขี่ Pilot Assist และ ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนเลน รวมถึงระบบประมวลผลที่แม่นยำจาก ด้วยชิป NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ซึ่งสามารถประมวลผลได้รวดเร็วกว่า 508 ล้านล้านครั้งต่อวินาที ในราคา 2,990,000 บาท และการมาของ Volvo S90 กับ Volvo XC60 ไมเนอรเชนจ์จะมาด้วยหรือไม่ต้องติดตาม

    WULING : Cloud EV

    WULING

    หลังจากที่ WULING เข้ามาทำตลาดในไทยจริงจังด้วยการเข้าร่วมลงทุนกับทาง EV PRIMUS จัดตั้ง บริษัท วู่หลิง ไทยแลนด์ จำกัด (EV PRIMUS ถือหุ้น 51% และ WULING จีน 49%) เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารงานขายและการตลาด ตลอดจนบริการหลังการขายแบบครบวงจร 

    รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเสริมรุ่นใหม่ 4 รุ่น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีหน้า รวมถึงขยายโชว์รูมครบ 40 แห่งในปีหน้าเช่นกัน คาดว่ารุ่นที่จะได้เห็นนั้นเป็น

    WULING Cloud EV เวอร์ชันพวงมาลัยขวาด้วยรูปร่างหน้าตาคล้ายกับต้นฉบับ BAOJUN Cloud EV เปลี่ยนตรามาเป็นแบรนด์ WULING คล้ายๆกับรุ่น AIR EV พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ lithium-iron phosphate 50.6 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร

    WULING

    ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้ 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จสองรูปแบบเริ่มที่กระแสสลับ AC กำลังชาร์จสูงสุด 8.8 kW สามารถชาร์จ 20-100% ได้ 7 ชั่วโมงและชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายในเวลา 30 นาที และอาจได้พบ WULING Xingguang 730 เอ็มพีวี 7 ที่นั่งมาโชว์ด้วย

    XPENG : X9 Luxury Special Color Edition

    รุ่นท็อปตกแต่งพิเศษด้วยสีใหม่ สีเทาด้าน Matte Gray พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ Starlight Floating Wheels พร้อมดุมล้อล็อกตำแหน่งโลโก้ไว้ไม่ให้หมุนตามแรงเฉื่อยของล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20

    กว้างขวางพร้อมโทนพร้อมโทนสีเทาอ่อนใหม่แบบ Light Gray มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 7.7 ตารางเมตร สบายแบบ 7 ที่นั่ง พร้อมเบาะแถวที่ 2 แบบเฟิร์สคลาสฟังก์ชัน Zero Gravity แบบชิดติดกัน มอบความสบายผ่อนคลายสูงสุด ปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สายในเบาะนั่งตอนที่ 2 กำลัง 50W ในขณะที่แถวที่ 3 พับราบด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้เห็นพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 2,554 ลิตร และตอนไม่พับเบาะมีพื้นที่ 755 ลิตร

    ด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับหน้า ให้กำลัง 320 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) 101.5 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 690 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ในราคา 2,789,000 บาท

    Motor Expo

    ทั้งหมดทั้งมวลคือรถใหม่ที่ตบเท้าโชว์หล่อโชว์หรูเข้างาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ที่ IMPACT CHALLENGER 1-3 เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. ในวันธรรมดา และวันเสาร์-อาทิตย์รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00-22.00 น. สาวกรักรถ รักเทคโนโลยีไม่ควรพลาด

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts