ตลาดรถใหม่เมืองไทยช่วงปี 2024 ไม่สดใสทั้งปีจากมรสุมหลากหลายทั้งในและต่างประเทศต่างรุมเร้าทำให้ยอดขายรวมไม่เป็นไปตามเป้าที่กำหนด
ยอดขายรถใหม่เมืองไทยสะสม 10 เดือนของปี 2024 ทำได้ 476,350 คัน ลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 185,421 คัน ลดลง 23.3% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 290,929 คัน ลดลง 28% และรถกระบะขนาด 1 ตัน รวม PPV ยอดขายทั้งหมด 166,851 คัน ลดลง 40.2%
ส่วนในเดือนตุลาคม ทำได้ 37,691 คัน ลดลง 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 15,559 คัน ชะลอตัวที่ 29.7% กลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 22,132 คัน ชะลอตัวเช่นกันที่ 39.9% และรถกระบะขนาด 1 ตันรวม PPV มียอดขาย 13,347 คัน ลดลง 42%
ส่วนของตลาด xEVมียอดขายทั้งหมด 12,243 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 32% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด รถยนต์ HEV ทำยอดขายได้ 7,300 คัน ลดลง 21% ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 4,130 คัน ลดลง 47%
อานิสงส์ยอดจองของงาน Motor Expo 2024 ทั้งหมด 62,495 คัน รวมยอดจองของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% เมื่อมาแยกในส่วนของยอดจองรถยนต์นั้นอยู่ที่ 54,513 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.3% และรถจักรยานยนต์ 7,982 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.3% โตขึ้นเล็กน้อยจากปีกลาย
ปัญหาในประเทศที่ลากมาตั้งแต่ปี 2024 ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพืชผลการเกษตร งานจากภาครัฐ การมาของรถยนต์ไฟฟ้าสงครามลดแลกแจกแถม ความเข้มงวดของเหล่าสถานบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นเพราะหนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงปัจจัยภายนอกทั้งสงคราม ราคาน้ำมัน และเศรษฐกิจโลกผันผวน
สำหรับปี 2025 หรือปีมะเส็ง (งูเล็ก) ค่ายรถยนต์หลากหลายประเทศสั่งลุยส่งรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบทังรถยนต์สันดาป รถยนต์ลูกผสม และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเริ่มแนะนำรุ่นประกอบในประเทศตามนโยบายภาครัฐ และแบรนด์ใหม่ๆที่จะเข้ามาช่วยผลักดันให้ยอดขายรุ่งโรจน์ฟื้นจากความซบเซาเมื่อช่วงปีมังกรที่ผ่านม เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2025 เริ่มด้วย
AION : UT, GAC E8 PHEV, HYPTEC HL, Y Plus CKD
AION UT มินิคาร์อีวีดีไซน์คล้ายกับ MINI Cooper พื้นฐานแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าบริสุทธิ์ AEP 3.0 เตรียมเปิดตัวรับจองสิทธิ์หรือ Pre-Sale ที่จีนมกราคมปีนี้ คาดราคาจำหน่ายอยู่ที่ 100,000 YUAN หรือราว 485,000 มีสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน
พร้อมขุมพลังไฟฟ้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า รหัส TZ160XYD3A02 ที่ให้กำลังถึง 136 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส ที่ยังไม่ได้ระบุขนาดความจุแบตเตอรี่และระยะทางวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ครั้งแรกของค่าย AION ที่นำขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดวิ่งได้ไกลสูงสุดกว่า 1,000 กิโลเมตรมาประจำการในเอ็มพีวีหรูว่าที่ Alphard Killer อย่าง GAC M8 PHEV ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร TGDI ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไออออนขนาด 25.5 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 373 แรงม้า แรงบิดรวม 630 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 106 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.8 วินาที
พร้อมความสบายแบบ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat แบบ Zero Gravity ออกแบบตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น เบาะเย็นควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen LCD 5 นิ้ว
แบรนด์หรูในเครือ AION อย่าง HYPTEC เตรียมส่ง HYPTEC HL ชิงตลาดเอสยูวีระดับไซซ์ใหญ่ท้าชนตัวเอ้ทั้ง Mercedes-Benz GLS (Mercedes-Maybach GLS) BMW X7 และ NIO ES8 ด้วยความยาว 5.1 เมตร ภายในสไตล์หรูด้วยห้องโดนยสารอัจฉริยะ ADIGO 6.0 smart cockpit เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูง NAPPA แบบ 2+2+2
เบาะนั่งตอนที่ 2 ระดับเฟิร์สคลาส (First Class Seats) ปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง นวดได้ 18 จุดทั่วทั้งตัวเบาะ เพิ่มความสะดวกสบายหรูหราในทุกสัมผัสพร้อมโหมด VIP สามารถเลื่อนและพับเบาะผู้โดยสารด้านหน้าไปข้างหน้าได้
ทำให้เกิดพื้นที่ว่างสูงสุดสำหรับเบาะแถว 2 มีปุ่มการทำงานทั้งปรับเสียง ปิดกระจกหน้าต่าง ลำโพงฝังในพนักพิงศีรษะ เพื่อสร้างบรรยากาศการนอนหลับที่สบายแบบ Zero Gravity ออกแบบตามสรีระของผู้โดยสารปรับได้ถึง 127.5 องศาและตอนที่ 3 นั่งได้ 2 ที่นั่ง
ขุมพลังมีการเปิดเผยแล้วว่ามาทั้งไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ วิ่งไกล 750 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งกับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดแบบขยายระยะทาง Extended Range หรือ EREV วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ 350 กิโลเมตรและวิ่งรวม 1,200 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง และชาร์จ 1 ครั้ง เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ บนแพลตฟอร์มแรงดันไฟฟ้าสูง 800V รองรับการชาร์จกระแสตรงในระดับ 5C ใช้เวลาการชาร์จในเวลาสั้นลงด้วยกำลังการชาร์จเพิ่มเป็น 5 เท่า
รวมถึงเวอร์ชันประกอบไทยของ AION Y Plus คาดว่ายังคงใช้ขุมพลังไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 490 กิโลเมตรต่อชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC จะมาหรือไม่?
AVATR : AVATR 12
ประเดิมรุ่นแรกของแบรนด์หรูในเครือ CHANGAN ไปแล้วกับ AVATR 11 ปีนี้ลุ้นกันว่า AVATR 12 เก๋งดีไซน์เหมือนรถยุโรปออกแบบโดย Nadar Faghihzadeh หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่เคยทำงานกับค่าย BMW จะมาด้วยหรือไม่
รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous motors จาก Huawei และแบตเตอรี่ ternary (NMC) จาก CATL เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังมีความจุ 90.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า วิ่งไกลสุด 676 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน CLTC และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวม 586 แรงม้าจากความจุแบตเตอรี่ 116.8 kWh วิ่งไกลสุด 555 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน CLTC หรือ 528 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
BMW : X3, 2 Series Gran Coupé
หลังเปิดตัวให้ได้สัมผัสตัวจริงกันไปแล้วสำหรับ BMW X3 เจนใหม่รหัส G45 พกขุมพลัง Mild Hybrid Twin PowerTurbo ทั้งเบนซินและดีเซลเริ่มที่ตระกูล M Performance ใช้บริการขุมพลังเบนซิน รหัส S58B30A ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง 380 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 398 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 580 นิวตันเมตร
และดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส B47D20B ให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 11 แรงม้า แรงบิด 25 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 400 นิวตันเมตร
ทั้ง 2 รุ่นยังพร้อมเติมความแรงให้การตอบสนองที่ฉับไวยิ่งกว่าเมื่อกดคันเร่งด้วยระบบ Sport Boost โดยทั้งสองรุ่นนำระบบ mild hybrid 48V มาทำงานคู่กับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นไปพร้อมกันพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic พร้อม Gearshift Paddles มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive โดยคาดว่าเตรียมเปิดราคาจำหน่ายต้นปี 2025
อีกหนึ่งรุ่นที่ทำยอดขายดีในค่ายกับการมาของเก๋งไร้กรอบเจนใหม่ BMW 2 Series Gran Coupé รหัส F74 สร้างจากแพลตฟอร์ม BMW UKL2 platform คาดว่าถ้ามาคงเป็นรุ่น 220 พกพลังเบนซินเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตรออกมาทำตลาดหรือเป็นเครื่องยนต์ใหม่นั้นติดตามได้เร็วๆนี้
BYD : SHARK 6, Dolphin FC CKD
หลังจากเมื่อปีกลายส่งรุ่นใหม่มา 5 รุ่นทั้ง BYD ATTO 3 MY2024, BYD Dolphin CKD, BYD SEALION 6 DM-I CKD, BYD SEALION 7 และ BYD M6 ปีนี้ BYD ส่งรถใหม่มากัน 2 รุ่นเริ่มที่กระบะรุ่นแรกของค่ายอย่าง BYD SHARK 6
ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD476ZQF ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP ที่มีความจุ 29.58 kWh พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ Permanent magnet synchronous motor
โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตรและมอเตอร์หลัง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้ความแรงสูงสุด 437 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วิ่งไกลสุดทั้งระบบได้ 800 กิโลเมตรและวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้ความประหยัดน้ำมันถึง 12.65 กิโลเมตรต่อลิตรมีความสามารถในการลากจูงสูงสุด 2,500 กิโลกรัม ชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 55 kW ใช้เวลาเพียง 20 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 7 kW โดยรุ่นนี้เตรียมประกอบในประเทศไทยและขายภายในปีนี้
ส่วนอีกรุ่นเตรียมเผยจีนเร็วๆนี้หลังมีภาพโผล่มาในโลกโซเชียลกับ BYD Dolphin ไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปี ปรับทั้งด้านหน้าและหลังรวมถึงล้อลายใหม่ขนาด 16 กับ 17 นิ้ว ด้านขุมพลังอาจคงเดิมทั้ง รุ่น Standard Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Blade Battery (LFP) 50.25 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว แรงม้ายังคงเดิม 95 แรงม้าแรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 435 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC)
อีกรุ่นกับรุ่นท็อปสุด Extended Range ใช้ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 60.48 kWh แรงสุด 204 แรงม้าที่ แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ทั้งคู่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport
DENZA : Z9
ประสบความสำเร็จจากรุ่นแรกของค่ายอย่าง DENZA D9 ปีนี้มาลุ้นกันว่าเก๋งใหญ่อย่าง DENZA Z9 จะมาไทยทั้งแบบซีดานและเอสเตท Shooting Brake กับขุมพลังให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวให้กำลังรวมถึง 965 แรงม้า แรงบิด 1,150 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุ 100 kWh ให้ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 630 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.4 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW 30-80% และชาร์จ AC ได้
ยังมีขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 299 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) ชาร์จ 1 ครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,101 กิโลเมตร (CLTC)
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.6 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้ ประหยัด 17.86 กิโลเมตรต่อลิตรและความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบ ADAS ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็ม
DEEPAL : S05 CKD, P201
เอสยูวีน้องเล็กรุ่นใหม่มีสองขุมพลังให้เลือกเริ่มที่เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตขนาดความจุแบต 56.12 kWh ให้กำลังมากถึง 238 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกล 510 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จ DC 3C 30-80% ภายใน 15 นาที และชาร์จ AC ได้
มีขุมพลัง RREV กับเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส JL469Q1 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 98 แรงม้า พร้อมความจุแบเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 27.28 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวมสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร
วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 200 กิโลเมตร (CLTC) วิ่งไกลทั้งหมด 1,234 กิโลเมตร (CLTC) ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็ว 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 7.9 วินาที ภายใต้การชาร์จเร็ว DC ใช้เวลา 20 นาทีในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 30-80% และชาร์จ AC ได้
โดยเป็นรุ่นแรกของค่ายที่ตั้งไลน์การผลิตที่จังหวัดระยองคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตช่วงกลางปี 2025 หลังจากที่โรงงานแล้วเสร็จต้นปี 2025
อีกหนึ่งรุ่นที่จะมาไทยกับ DEEPAL P201 กระบะรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมพลัง EREV (Extended Range Electric Vehicle) ใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟเข้าไปในชุดแบตเตอรี่กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนไปยังจุดหมายปลายทางนอกจากนี้แบตเตอรี่จะขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เครื่องยนต์จะทำงานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม ชาร์จไฟหนึ่งครั้งวิ่งไกล 180 กิโลเมตร
ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส JL486ZQ6 ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง 177 แรงม้า และมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 95 แรงม้า และมอเตอร์หลังกำลังเท่ากัน
ทำงานร่วมกันทั้งระบบวิ่งไกลสุด 1,031 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 995 กิโลเมตรตามมาตฐาน NEDC ด้วยความจุแบตเตอรี่มากกว่า 30 kWh และสำรองพลังงานเพียงพอให้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาด 2,000 วัตต์ ใช้งานได้นานกว่า 100 ชั่วโมง เทียบเท่ากับเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ พร้อมความปลอดภัยทั้งควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ adaptive cruise-control, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ self-parking system เป็นต้น
FORD : Mustang
ม้าป่าเจเนอเรชันใหม่บ Ford Mustang เจนที่ 7 ใหม่หมดแต่ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเคยกับพลังเดิม V8 5.0 466 แรงม้า แรงบิด 569 นิวตันเมตร รวมถึงเบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร 314 แรงม้า แรงบิด 476 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift รุ่นเดียวกันที่ใช้ในกระบะ Ford Ranger เข้ามาทำตลาด
FOTON : eTUNLAND, eVIEW
กลับมาทำตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กอีกครั้งครั้งนี้ส่ง 2 รุ่นที่คนไทยคุ้นเคยเริ่มที่ FOTON eTUNLAND จากพื้นฐานรุ่น TUNLAND เครื่องยนต์ดีเซลกลายเป็นพลังไฟฟ้าล้วนตอบโจทย์ธุรกิจ วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC 550 กิโลเมตร
ขุมพลังไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP ขนาด 88.02 kWh จาก CATL แรงดันไฟฟ้า 328.44 V ชาร์จได้ 20-100% กระแสตรง DC 1 ชั่วโมง และกระแสสลับ AC 10 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม
อีกรุ่นกับ FOTON eVIEW รถตู้พื้นฐานรุ่น VIEW CS2 ยกเครื่องดีเซลออกใส่ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมาทั้งแบบหลังคามาตรฐานและหลังคาสูงวิ่งไกล 270 กิโลเมตร (NEDC) ออกมาจำหน่ายด้วย
GWM : HAVAL H6, HAVAL JOLION, TANK 300 Diesel, TANK 500 Diesel, POER SAHAR Diesel, WEY 80
หลังปรับโครงสร้างขององค์กรในไทยจนเรียบร้อยแล้วเตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในปีนี้แบบ Non Stop เริ่มกันที่ HAVAL H6 รุ่นปรับโฉมปรับครั้งที่ 2 ในรอบ 4 ปีหลังจากปรับโฉมครั้งแรกเมื่อปี 2022 ปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในใหม่หมด
พร้อมขุมพลัง Hybrid เบนซินเทอร์โบแปรผันซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ได้แรงม้ารวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร และขุมพลัง Plug In Hybrid ใช้เครื่องเดียวกันกับรุ่น HEV แต่พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้นชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วยผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT และความจุแบตเตอรี่มากถึง 41.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมด EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งถึง 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC)
ตามมาด้วย HAVAL JOLION HEV ปรับทั้งหน้าและหลังให้สปอร์ตขึ้นกับพลังฟูลไฮบริดได้พลังมากสุด 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ในราคาไม่ถึงล้าน
ด้านเอสยูวี GWM TANK ทั้ง 300 และ 500 กับกระบะ GWM POER SAHAR เพิ่มหัวใจใหม่กับดีเซลเทอร์โแปรผัน 2.4 ลิตร ให้กำลังถึง 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Intelligent electronically controlled four-wheel drive (two-speed) + MLOCK มีโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal, Eco, Sport, 4L และ 4H สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตรเข้ามาตีตลาดเจ้าใหญ่แดนปลาดิบ
ลุ้นกันว่า GWM WEY 80 จะเข้าไทยปีนี้หรือไม่กับเอ็มพีวีหรูด้วยหลังคาแบบ Sky Dome ตกแต่งด้วยดวงดาวถึง 830 ดวง รวมถึงดาวตกแบบนิ่งและแบบเคลื่อนไหว สร้างโดมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ดูมีชีวิตชีวา แสงนุ่มนวลสลับกับเอฟเฟกต์ฮาโล เพื่อมอบบรรยากาศเฉพาะตัวที่ช่วยให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบเสมือนอยู่ในห้วงอวกาศ
พร้อมพลังปลั๊กอินไฮบริดเทอร์โบ 1.5 ลิตรได้แรงม้ารวม 458 แรงม้า แรงบิดรวม 644 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 170 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC
Honda : e:N1 นำเข้าจากจีน
หลังจากเปิดตัวและประกอบไทยมาครบ 420 คันจนปิดการประกอบไปเน้นขายกลุ่มรถเช่า กลุ่มองค์กร ครั้งนี้จับตาเแล้วว่า Honda e:N1 จะนำเข้าจากจีนเพื่อมาขายปลีกให้กับแฟนๆที่สนใจหรือไม่ด้วยการนำพื้นฐานมาจาก Honda HR-V แปลงกายเป็นไฟฟ้าล้วนจากแพลตฟอร์ม e:N Architecture F
พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสามตัวและแบตเตอรี่ lithium มีความจุ 68.8 kWh 204 แรงม้าที่ 4,621-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,621 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งมากกว่า 412 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 485 กิโลเมตร (NEDC)
ขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 7.6 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC CCS2 กำลังสูงสุด 78 kW 0-80% ภายใน 46 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 11 kW 10-80% ภายในเวลา 6.45 ชั่วโมงและระบบความปลอดภัย Honda SENSING
ISUZU : D-MAX EV, D-MAX Minor Change, MU-X Improvement
พึ่งจะแนะนำเครื่องยนต์ใหม่ 2.2 Ddi MAX FORCE 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรมาแทน 1.9 ลิตรทั้งใน ISUZU D-MAX และ ISUZU MU-X ไปตั้งแต่ปลายปีจนสร้างความเกรียวกราวมาแล้ว
ปีนี้ลุ้นกว่า D-MAX จะมีการปรับโฉมอีกครั้งหรือไม่หลังปรับหน้าตาใหญ่ Big Minor Change เมื่อเกือบ 2 ปีถ้ามาจริงจะเป็นการปรับโฉมครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ปีของเจนนี้ ลุ้นกันว่าออปชันใหม่ทั้งพวงมาลัยไฟฟ้า กล้องมองภาพรอบคัน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย แม้กระทั่งเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รุ่น L-B500 จะมาจุติในรุ่น 3.0 Ddi MAX FORCE หรือไม่ รวมถึงอาจได้เห็น MU-X ปรับออปชันบนหน้าเดิม
รวมถึงการเปิดตัว ISUZU D-MAX EV ปิกอัพไฟฟ้าโดยผลิตเพื่อส่งออกจากฐานการผลิตประเทศไทยในปี 2025 จะเปิดตัวในประเทศภาคพื้นทวีปยุโรป บางประเทศ เช่น นอร์เวย์ ในปีเดียวกัน จากนั้นมีกำหนดการจะเปิดตัวในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ตลอดจนประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆเป็นลำดับถัดไปซึ่งรวมถึงเมืองไทย
ด้วยชุดมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time และเฟืองท้ายภายใต้ “eAxle” พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เริ่มที่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวโดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า กำลังสูงสุด 54 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตรและมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 217 นิวตันเมตร แรงม้ารวมสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดรวม 325 นิวตันเมตร วิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งประมาณ 300 กิโลเมตร
LEXUS : ES Minor Change
เก๋งหรูแดนปลาดิบปรับโฉมอีกครั้งด้วยหน้าตาใหม่ด้วยกระจังหน้าแบบ Spindle Grill ลาทีกับโลโก้รูปตัว L เปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร LEXUS แทนในส่วนด้านท้าย พร้อมภายในใหม่ด้วยชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 14 นิ้ว ยกเลิกปุ่มการใช้งานเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและปุ่มที่เกี่ยวเนื่องทั้งปุ่มอุ่นเบาะและปุ่มเบาะเย็นไปไว้ในจอสัมผัสเป็นที่เรียบร้อยเพื่อดูเรียบง่ายไม่เกะกะสายตามาตรวัดดิจิตอลเต็มรูปแบบ TFT 7 นิ้ว
หรูด้วยภายในสีขาว Snowy Night White หรือสีแดง Tanzanite Snow Night แบบทูโทนได้ การปรับแต่งภายในที่เสร็จสมบูรณ์ตกแต่งด้วยสีเงิน Lance Moon Ridge พร้อมพลังฟูลไฮบริด 2.5 ลิตร ได้แรงม้ารวมสูงสุด 218 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
Mazda : MX-5 RF 35th Anniversary, CX-60
หลังเปิดรถใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่นเมื่อปีกลายปีนี้ค่ายรถเมืองฮิโรชิมา ส่งรถใหม่อย่างต่อเนื่องเริ่มที่รุ่นพิเศษ Mazda MX-5 RF 35th Anniversary ด้วยสีภายนอกรถมาแบบสีแดง Artisan Red Premium Metallic” ซึ่งเป็นสีพิเศษสีที่ 4 ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการพ่นสีเฉพาะตัวของมาสด้าที่เรียกว่า “TAKUMINURI” พร้อมหลังคาผ้าใบสีพิเศษสีแทนอ่อนๆทำให้รถคันนี้เกิดความพรีเมียมสุขุมมากขึ้น พร้อมป้ายรุ่นพิเศษ 35 ปี กับรันนัมเบอร์ลำดับการผลิตบริเวณบังโคลนหลัง
ภายในหรูด้วยโทนสีแทนอ่อนๆด้วยวัสดุหุ้มหนังคุณภาพพร้อมหัวหมอนปักโลโก้ 35 ปี และการตกแต่งโทนสีแทนอ่อนๆกับสีดำติดตั้งทั้งแผงคอนโซลหน้าแผงประตูพร้อมวงแหวนช่องแอร์สีเงินขอบสีแดง Artisan Red Premium Metallic พร้อมพรมปูพื้นมีแผ่นป้ายพิเศษที่เคลือบด้วยเส้นขนแมว
และเอสยูวีรุ่นหรู Mazda CX-60เอสยูวีหรู 5 ที่นั่งใหญ่กว่ารุ่น CX-5 พกพลัง หลากหลายเริ่มที่ ขุมพลังสันดาปล้วน SKYACTIV ดีเซลล้วนเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง SKYACTIV-D 3.3 ลิตร ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เบนซินล้วน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
ขุมพลัง e-SKYACTIV Mild Hybrid 48 V มีทั้งดีเซลเทอร์โบ e-SKYACTIV D 3.3 ลิตร 6 สูบ 254 แรงม้าแรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที เบนซินเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง e-SKYACTIV Turbocharged 3.3 ลิตร 6 สูบ 284 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ทั้งคู่มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้าที่ 900 รอบต่อนาทีแรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสุด 0.33 kWh
ขุมพลัง Plug In Hybrid e-SKYACTIV มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ 188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตร และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร
Mitsubishi : X FORCE HEV
อีกหนึ่งรุ่นของค่ายทรีไดมอนด์ที่ลุ้นกันว่าจะมาช่วงปลายปีนี้หรือไม่กับ Mitsubishi X FORCE HEV Sub Compact SUV พร้อมแนวคิด Best-suited buddy for an exciting life หรือคู่หูที่จะให้ความตื่นเต้นความเร้าใจตลอดการเดินทางด้วยพลัง Hybrid MIVEC แบบ e:MOTION ประจำการ
ด้วยเบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A92 95 แรงม้า แรงบิด 134 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนตอบสนองด้วยอัตราเร่งรวดเร็วและทรงพลังเน้นทั้งความเงียบที่มากขึ้นและประหยัด
พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด 7 DRIVE MODE ปรับโหมดการขับขี่เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับทุกจุดหมายอย่างไร้กังวลท้ัง NORMAL, WET, GRAVEL, TARMAC, MUD, CHARGE, EV PRIORITY มีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและขวาออกแบบให้สามารถเรียกแรงบิดให้กระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือที่เรียกว่า Active Yaw Control (AYC)
MG : IM6, ES5, HS Hybrid+, ZS Hybrid+
ปีนี้ค่ายรถยนต์ MG รุกหนักกับตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกที่หลากหลายเริ่มที่ MG IM6 เอสยูวีมิดไซซ์พลังอีวีล้วนดวยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้พละกำลังสูงสุด 787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที ทำความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 800 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC) เตรียมขายไทยครึ่งปีแรกของปี 2025
อีกหนึ่งรุ่นที่จะมานั่นคือ MG ES5 เอสยูวีไฟฟ้าที่มาแทน MG ZS EV สร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน MSP (Modular Scalable Platform) ออกแบบมาโดยเฉพาะด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเด่นด้วยความหนาของตัวแบต 110 มิลลิเมตร เป็นแบตที่บางสุดในโลกให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 8 วินาทีมี 2 ทางเลือกเริ่มที่
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 49.1 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) 425 กิโลเมตรโดยชาร์จ หรือ 410 กิโลเมตร (์NEDC) กระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8.5 ชั่วโมง
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 62.2 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จ (CLTC)ทั้ง 515 และ 525 กิโลเมตร หรือ 497 และ 506 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จกระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 21 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 11.5 ชั่วโมง
ถ้ามาไทยคาดว่าทันเข้างาน Bangkok Motor Show 2025 รวมถึง MG HS Hybrid+ และ MG ZS Hybrid+ 2 เอสยูวีเจนใหม่พกพลัง Full Hybrid
Nissan : Serena e:Power C28
กลับมาบุกตลาดเอ็มพีวีอีกครั้งหลังหายไปนานสำหรับ Nissan Serena รหัส C27 พลัง Mild Hybrid จนมียอดจองล้นหลามและเตรียมส่งมอบตั้งแต่ปีนี้ส่วนกลางปีนี้พบกับ Nissan Serena e:Power รหัส C28 ด้วยขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ที่พัฒนาจาก HR12DE มาขยายความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักยาวขึ้นเป็น 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (เดิม 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร)
ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึงให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาด 1.769 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวมสูงสุด 163 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมระบบ e-Pedal
NETA : X CKD
แม้เมืองจีนจะสะดุดกับปัญหาภายในองค์กรแต่ตลาดต่างประเทศรวมถึงไทยไปได้สวยกับ NETA ปีนี้เตรียมขึ้นไลน์การผลิต NETA X ในไทยที่โรงงานบางชันกับขุมพลังไฟฟ้าเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาที
โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นท็อป 480 Smart มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ LFP ความจุ 62 kWh จาก CATL วิ่งไกลสุด 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC มีรุ่น 401 Comfort ด้วยความจุแบตเตอรรี่ 51.8 kWh วิ่งไกล 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC
โดยชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 6.6 kW จาก 20-100% ใช้เวลาในการชาร์จ 9 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 100kW จาก 30-80% ใช้เวลา 30 นาที ตอบโจทย์นักเดินทางสมัยใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ และปีนี้เตรียมนำขุมพลัง EREV ขยายระยะทางมาไทยโดยจับตาว่าจะเป็น NETA S หรือ NETA L ต้องติดตาม
OMODA x JAECOO : OMODA C9, JAECOO 7, JAECOO 8
ปีนี้ค่าย OMODA JAECOO รุกหนักส่งรถใหม่มาทั้ง 3 รุ่นประเดิมด้วย OMODA C9 PHEV นำพื้นฐานจากจาก EXEED YAOGUANG หรือ EXEED RX ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้าจริตของตลาดโลกด้วยการแปะตรา OMODA
พร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อและแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 618 แรงม้า แรงบิด 915 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน WLTC
วิ่งไกลสุดทั้งระบบทำได้ 1,100 กิโลเมตรตามาตรฐาน CLTC หรือ 1,046 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตามมาด้วย JAECOO 7 PHEV นำพื้นฐานของ CHERY Explore 06 เปลี่ยนหน้าตาให้สมกับความเป็น JAECOO ด้วยแพลตฟอร์ม T1X พร้อมพลังปลั๊กอินไฮบริด 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 18.3 kWh
เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 106 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน NEDC และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,300 กิโลเมตรตามาตรฐาน NEDC คาดว่านำเข้าจากมาเลเซียและเปิดราคาทันงาน Bangkok Motor Show 2025
JAECOO 8 รุ่นใหญ่พลัง Plug In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร Acteco รหัส SQRD4T20 แรงสุด 254 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 390 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 7 สปีด พร้อมระบบออฟโรดอัจฉริยะ ARDIS ทั้ง ECO, Normal, Sport, Snow, MUD, Off Road
ให้กำลังรวมสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร และทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้กำลังสูงสุด 605 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 915 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 5.4 วินาที ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 34.46 kWh
ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที และยังชาร์จกระแสสลับ AC ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 175 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC วิ่งไกลด้วยด้วยเครื่องยนต์และไฟฟ้า 1,321 กิโลเมตร
Peugeot : 2008 Facelift
ลุ้นกันว่าทางโรงงานมาเลเซียจะสามารถเปิดไลน์รุ่นปรับโฉมของ Peugeot 2008 หรือไม่ถ้าเปิดไทยก็ได้ประโยชน์เต็มๆและพร้อมที่จะเปิดตัวท้าชนคู่แข่ง
Subaru : CROSSTREK e-Boxer, Forester e-Boxer
นับตั้งแต่ Subaru ยุติการประกอบรถในไทยสิ้นปีที่แล้วและเปลี่ยนรูปแบบการขายมาเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นตั้งแต่ปีนี้พร้อมแล้วที่จะเผยรุ่นธงใหม่ด้วย Subaru CROSSTREK e-BOXER HYBRID ในราคา 1,800,000 บาท และ Subaru Forester e-BOXER HYBRID เจนใหม่ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นคันเดียวสะท้อนอารมณ์สปอร์ตจากสนามแข่งสู่ท้องถนนได้อย่างชัดเจน
ขุมพลังสูบนอน Boxer ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เข้าไว้ด้วยกันจึงเป็นที่มาของขุมพลังใหม่ e-Boxer จากเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 150 แรงม้าที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า aspect alternating current synchronous motor ให้กำลัง 16.7 แรงม้า แรงบิด 66 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium Ion ขนาด 13.5 kWh เมื่อทำงานร่วมกันทำแรงม้ารวม 156 แรงม้า เมื่อเข้าโหมด EV และ Motor Assist วิ่งไกลสุด 1.6 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT แบบ 7 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE
Suzuki : eVITATA, FRONX, JIMNY 5 Door, SWIFT
หลังจากที่ Suzuki ตัดสินใจปิดไลน์ผลิตในไทยภายในปีนี้ พร้อมขายรถนำเข้ารุ่นใหม่จากกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนและเอเชียไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย ถึง 4 รุ่นทั้ง สันดาป ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอนแต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคต
เริ่มที่ Suzuki e VITARA ประกอบที่โรงงาน Suzuki Motor ที่เมือง Gujarat ประเทศอินเดียที่พกขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) ขนาด 49 kWh ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตรในรุ่น Standard 2WD
มาที่รุ่น Extended 2WD ขยับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตร และรุ่น Performance 4WD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ “ALLGRIP-e” ทีมี eAxles คู่ทั้งล้อหน้าและล้อหลังพร้อมล็อกเฟืองท้าย Limited Slip Differential พร้อมโหมด TRAIL
ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดรวม 300 นิวตันเมตรแบ่งเป็นมอเตอร์ล้อหน้า 174 แรงม้า และมอเตอร์ล้อหลัง 65 แรงม้า คาดว่าวิ่งไกลสุด 243 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 286 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
ตามมาด้วย Suzuki FRONX เอสยูวีนำเข้าจากอินเดียที่กำลังไปได้สวยกับตลาดต่างประเทศกับเบนซิน Mild Hybrid SHVS ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พ่วงด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน 12V ครั้งนี้ขยายความจุใหญ่ขึ้นเป็น 10 Ah หรือ 0.12 kWh จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ISG WA06A
ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ถึง 3 แรงม้า แรงบิด 60 นิวตันเมตร เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ ประหยัดน้ำมัน 20.2-21.3 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐาน JC08 ความปลอดภัยจัดเต็มกับ Suzuki Safety Support
ตระกูลจิ๋วจอมลุยอาจมีทางเลือกใหม่กับ Suzuki JIMNY 5 Door ขยายความสบายแบบ 5 ที่นั่งพร้อมพื้นที่ด้านหลัง 211-332 ลิตร และเบาะหลังยังพับได้แบบ 50/50 แต่ยังโหด ดุ ลุยกับแชสซีส์ Body on Frame พลัง 1.5 ลิตร 102 แรงม้า แรงบิด 130 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time ALLGRIP PRO 4WD เลือกได้ 3 รูปแบบทั้ง 2H,4H และ 4L พร้อมช่วงล่างหน้าและหลังแบบ 3-link rigid axle with coil spring
Suzuki SWIFT มินิแดนยุ่น เจเนอเรชันที่สี่ ปรับหน้าตาใหม่หมดแม้จะมีความคล้ายกับเจนปัจจุบันรหัส YED ยังใช้แพลตฟอร์ม HEARTTECT และเมื่อเทียบกับ Swift เจนที่แล้วพบว่ายาวขึ้นกว่าเจนที่แล้ว 15 มิลลิเมตร สูงกว่า 5 มิลลิเมตร ความกว้างแคบกว่าเจนที่แล้ว 40 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเท่าเดิม และน้ำหนักรถเบากว่า 1.9 กิโลกรัม
พร้อมขุมพลังใหม่หมดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร รหัสใหม่ Z12E ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิด 112 นิวตันเมตร และยังมีเวอร์ชัน Mild Hybrid พ่วงด้วยแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุด Lithium lon 6Ah 12V จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Integrated Starter Generator (ISG)
เสริมกำลังเครื่องยนต์ทั้งแรงและเร้าใจขึ้นแบบ SVHS (Suzuki Hybrid Vehicle System) กำลังสูง 3.1 แรงม้าที่ 1,100 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมความปลอดภัยเต็มคัน Suzuki Safety Support
Toyota : YARIS ATIV HEV
เก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV อาจเพิ่มทางเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตร ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่แล้วคาดว่าปีนี้อาจพบกันกับเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Full Hybrid รหัส 2NR-VEX ยกมาจาก Toyota Yaris Cross ให้กำลัง 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 121 นิวตันเมตรที่ 4,000- 4,800 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าประเภทซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 580 V ให้กำลัง 81 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion แรงดันไฟฟ้า 177.6V ความจุไฟฟ้า 4.3 Ah หรือ 0.76 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 111 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้งโหมด Power, Normal ECO รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง สูงสุด E20
Volvo : XC90 Minor Change
หลังจากเปิดตัว Volvo EX90 จนได้รับการตอบรับอย่างดีและพร้อมส่งมอบปีนี้ทางด้านขุมพลังสันดาปลูกผสมปลั๊กอินไฮบริดยังจำหน่ายต่อไปไม่ยกเลิกทำให้ปีนี้ได้พบกับ Volvo XC90 ไมเนอร์เชนจ์ปรับทั้งภายนอกและภายในและยังขายกับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเช่นเดิมแบบ Drive-E AWD Plug-In Hybrid T8 ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (Turbocharger) ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 18.8 kWh ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ชาร์จได้เฉพาะกรแสสลับ AC ชาร์จสูงสุด 3 ชั่วโมง
รหัส B4204T56 ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 145 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตรและเมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 462 แรงม้า เรียกพลังจากแรงบิดสูงถึง 709 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.3 วินาที การชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกลสุดในโหมด Pure mode โหมดไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งได้ไกลสุด 76.7 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า
WULING : Cloud EV
WULING Cloud EV เวอร์ชันพวงมาลัยขวาด้วยรูปร่างหน้าตาคล้ายกับต้นฉบับ BAOJUN Cloud EV เปลี่ยนตรามาเป็นแบรนด์ WULING คล้ายๆกับรุ่น AIR EV พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ lithium-iron phosphate 50.6 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร
ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้ 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จสองรูปแบบเริ่มที่กระแสสลับ AC กำลังชาร์จสูงสุด 8.8 kW สามารถชาร์จ 20-100% ได้ 7 ชั่วโมงและชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายในเวลา 30 นาทีได้พบกันแน่นอน
ZEEKR : 7X, 007, MIX
ZEEKR 7X เอสยูวีไฟฟ้าหรูเจ้าของยอดจองมหาศาล 20,000 คันในจีน มาพร้อมความสามารถลากจูงได้ถึง 2,000 กิโลกรัม แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตแบบ LFP Golden Battery จากทาง VREMT และแบบ ternary NMC จาก CATL-GEELY จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed direct-drive จากสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าแรงสูง 800V DC 10-80% ชาร์จได้ภายใน 10.5 นาที โดยมีหลากหลายขนาดความจุแบตเตอรี่และความแรงดังนี้
- ความจุแบตเตอรี่ 75 kWh ให้กำลัง 422 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Golden Battery จากทาง VREMT เป็นมอตเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง วิ่งไกลสุดมากกว่า 605 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 584 กิโลเมตร (NEDC)
- ความจุแบตเตอรี่ 100 kWh ให้กำลัง 422 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ ternary NMC จาก CATL-GEELY เป็นมอตเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง วิ่งไกลสุดมากกว่า 780 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 752 กิโลเมตร (NEDC)
- ความจุแบตเตอรี่ 100 kWh ให้กำลังรวม 646 แรงม้า จากมอเตอร์ล้อหน้า 224 แรงม้า และมอเตอร์ล้อหลัง 422 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ ternary NMC จาก CATL-GEELY อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.8 วินาที เป็นมอตเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ วิ่งไกลสุด 705 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 680 กิโลเมตร (NEDC)
ตามมาด้วย ZEEKR 007 ท้าชนกับ TESLA Model 3 หน้าตาล้ำอนาคตในร่างเก๋งซีดานสร้างจากแพลตฟอร์ม PMA2+ (Platform Modular Architecture 2+) ของ GEELY ดีไซน์โดย Stefan Sielaff อดีตนักออกแบบของ Bentley ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นรองประธานฝ่าย Global Design ของ GEELY
แรงด้วยพลังไฟฟ้าที่มีชุดแบตเตอรี่ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือกตั้งแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตแบบ LFP Golden Battery จากทาง ZEEKR ความจุแบต 75 kWh วิ่งไกลสุด 688 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 664 กิโลเมตร (NEDC) สามารถพิ่มระยะทางได้อีก 500 กิโลเมตรจากการชาร์จเร็ว DC ด้วยกำลังการชาร์จสูงสุด 500 kW ภายใน 15 นาที
อีกความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ NMC 100 kWh QILIN จาก CATL วิ่งไกลสุด 870 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 839 กิโลเมตร (NEDC) สามารถพิ่มระยะทางได้อีก 610 กิโลเมตรจากการชาร์จเร็ว DC ภายใน 15 นาที รองรับสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันสูง 800V
พร้อม 2 ทางเลือกด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ขับเคลื่อนล้อหลังให้พลัง 422 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.4 วินาที และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ขับเคลื่อนสี่ล้อให้พลังรวม 646 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตันเมตร จากมอเตอร์หน้า 224 แรงม้า และมอเตอร์หลัง 422 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 2.84 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed direct-drive
ปิดท้ายรถใหม่ปี 2025 ที่ลุ้นกันว่าจะมาไทยหรือไม่กับ ZEEKR MIX เอ็มพีวีไฟฟ้าล้วน 5 ที่นั่ง เด่นด้วยตัวรถไม่มีเสา B กั้นเมื่อเปิดประตูทั้งสองบาน ขุมพลังไฟฟ้า วิ่งไกลสุด 712 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 687 กิโลเมตร (NEDC)