หลังจากเปิดตัวหน้าใหม่รุ่นปรับโฉมของ Nissan ARIYA ที่งาน Japan Mobility Show 2025 ที่ผ่านมาประเดิมตลาดที่ญี่ปุ่นที่แรกของโลก
Nissan ARIYA ปรับโฉมครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของการจำหน่าย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ประณีตยิ่งขึ้น ทันสมัยมากขึ้น
ปรับทั้งภายนอก-ภายใน
- หน้าใหม่กระจังหน้ารูปตัววีทรง “โล่ หรือ shield” จากเดิมไส้ในทรงทึบจะเป็นสีดำแต่เปลี่ยนเป็นสีเดียวกับตัวรถ
- ชุดกันชนหน้าออกแบบใหม่ ไม่มีคิ้วแนวตั้งสีดำ 2 ข้างอีกต่อไป
- ไฟหน้า DRL LED โคมใหม่ทรงเลขเจ็ดไส้ในโคมเป็นแถบแนวตั้ง 3 เส้นสีขาว ส่วนบนยังเป็นไฟหน้า LED 4 ดวงเล็กเช่นเดิม
- ล้ออัลลอย 5 ก้านทรงใบพัดดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 และขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20
- สีใหม่สีเขียวอ่อน Hisui no Hikari” เป็นการผสมผสานระหว่างสีเขียว “Plasma Green” และสีดำ “Midnight Black” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงเหนือ รวมถึงสีทูโทนสองสีและสีโมโนโทนห้าสี
- ภายในสีใหม่สีขาว/สีเขียว หนังคุณภาพสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ในโทนสีเขียวอ่อนตัดกับสีเทาอ่อนอย่างลงตัว สร้างความกลมกลืนที่ทันสมัยและเน้นย้ำมุมมองที่ล้ำสมัย
- ภายในติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์พร้อมระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay ไร้สาย ในชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว
- เพิ่มฟังก์ชัน Door-to-Door Navigation ในแอป Nissan Connect ช่วยให้ระบบนำทางแชร์เส้นทางที่คำนึงถึงปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่และการชาร์จที่จำเป็นก่อนที่คุณจะขึ้นรถ ทำให้คุณสามารถออกเดินทางได้ทันทีหลังจากขึ้นรถ
- เพิ่มระบบ Navi-Link Battery Conditioning ทำงานร่วมกับระบบนำทางเพื่อควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติตามเส้นทางการขับขี่
นอกนั้นคงเดิม
ทั้งไฟตัดหมอกหน้า LED แผงไฟท้าย LED ดีไซน์ยาว หลังคาที่ลาดลงคล้ายรถคูเป้ ฝาท้ายไฟฟ้าภาพรวมนั้นเน้นความเรียบง่าย มีเสน่ห์
ภายในเดิมด้วยเบาะนั่งแบบ Zero Gravity ที่สร้างบรรยากาศอันอบอุ่นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางในชีวิตของพวกเขาได้ง่ายขึ้นสามารถปรับไฟฟ้าคู่หน้า 6 ทิศทาง กับ 8 ทิศทางด้านคนขับพร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะและคนนั่ง 6 ทิศทาง โดยฝั่งคนขับมีระบบดันหลังหรือ lumbar ปรับไฟฟ้า 2-4 ทิศทาง พร้อมอุ่นเบาะหน้า-หลัง และความจุสัมภาระมากถึง 408 กับ 466 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ 60/40 แต่ถ้าพับเบาะจะมีพื้นที่มากถึง 1,280-1,350 ลิตร หุ้มหนังแบบหนังสังเคราะห์และหนัง NAPPA ให้เลือก
พร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว อินเทอร์เฟซระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้ภาษาธรรมชาติเพื่อปรับการตั้งค่าต่าง ๆ ของรถยนต์ได้ รวมถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ต่างๆ แบบไร้สายมีความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นและยังช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนและจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตของพวกเขาได้ง่ายขึ้น
จอแสดงผลข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD head-up display กับ Nissan Connect เชื่อมต่อการใช้งานของรถยนต์ผ่านสมาร์ตโฟน พร้อมลำโพง 6 จุด และ BOSE 10 จุดให้เลือก มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา Dual-zone climate control พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง เบรกมือไฟฟ้ากับ auto-hold ช่องเสียบ USB 4 จุดหน้า-หลัง Type A และ C
ขุมพลังไฟฟ้า
- รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Standard Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 63 kWh ให้แรงม้า 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 385 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 453 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 9 ชั่วโมง และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 35 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 65 นาที)
- รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Long Range พร้อมขนาดความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 87 kWh ให้แรงม้า 242 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 504 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 593 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.1 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 22 kW 10-100% ภายใน 4.5 ชั่วโมง (สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 12.5 ชั่วโมง) และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 40 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 90 นาที)
- รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 87 kWh ให้กำลังทั้งล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 395 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 487 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 573 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.6 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 22 kW 10-100% ภายใน 4.5 ชั่วโมง (สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 12.5 ชั่วโมง) และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 40 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 90 นาที)
e-4ORCE เน้นควบคุมได้สำหรับล้อทั้งสี่ ให้ความสมดุลในประสิทธิภาพที่ทรงพลังพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำให้การขับขี่มีความสมดุลและมั่นคงด้วยพลังระดับรถสปอร์ตในพริบตา โดยทุกขนาดจับคู่กับเกียร์ Automatic แบบ reduction drive พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด ทั้ง (Standard, Eco, Sport และ Snow ในรุ่น e-4ORCE พร้อม เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal
พร้อมฟังก์ชัน Vehicle-to-Load (V2L) พัฒนาใหม่ ผ่านช่องพอร์ตชาร์จ AC สามารถใช้จ่ายไฟสูงสุด 1,500 W ได้แม้ในขณะที่ล็อกประตูรถ ทำให้มีประโยชน์ไม่เพียงแต่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง แต่ยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉินในกรณีเกิดภัยพิบัติได้
อัพเกรดช่วงล่างที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เน้นความนุ่มนวล ลดการสั่นสะเทือนที่ผู้โดยสารรู้สึก ทำให้การเดินทางสะดวกสบายแม้ในการขับขี่ระยะไกล และเพิ่มระบบควบคุมระยะห่างอัจฉริยะ Intelligent Distance Control ซึ่งรักษาระยะห่างคงที่ระหว่างยานพาหนะแม้บนถนนที่มีการเร่งและลดความเร็วซ้ำๆ ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่โดยการชะลอความเร็วและหยุดรถให้ตรงกับรถคันหน้า
ความปลอดภัย
ผู้ขับขี่จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นและมีเครียดลดลงด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT 2.0 ช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบช่วยจอดผ่านรีโมตหรือ ProPILOT Remote Park มาพร้อมกับความปลอดภัย แบบ 360 องศา หรือ 360 Safety Shield ที่มีทั้ง
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor
- เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Automatic Emergency Brake
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Collision Alert
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ช่วยเตือนจุดอับสายตาอัจฉริยะ Intelligent Blind Spot Intervention
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ช่วยควบคุมเลนอัจฉริยะ Intelligent Lane Intervention
- ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า Intelligent Driver Alert
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control
- อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
กระจกมองหลังอัจฉริยะ INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR (IRVM) ความละเอียดสูงที่ติดอยู่ที่กระจกด้านหลังรถ ทำให้มองเห็นภาพถนนข้างนอกด้านหลังรถ ช่วยให้วิสัยทัศน์ดี คมชัด ไม่ว่าจะมีอะไรมาบัง
Nissan ARIYA รุ่นปรับโฉมเปิดราคาแล้วที่ญี่ปุ่นเริ่มต้น 6,675,900-8,072,000 YEN หรือราว 1,329,000-1,607,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย ขาย 4 รุ่นย่อย ขายจริง 20 กุมภาพันธ์ 2026 ส่วนรุ่น ARIYA NISMO ที่ปรับเล็กน้อยในหน้าเดิมเพิ่มระบบ Google built-in V2L เวอร์ชันใหม่ และ Intelligent Distance Control เปิดราคาขาย 19 มีนาคม
ที่มา Nissan
