ออสเตรเลียเป็นประเทศรายล่าสุดที่ได้ขาย Nissan ARIYA เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นดังหลังจากขายญี่ปุ่นและบางประเทศไปแล้ว 3 ปี
Nissan ARIYA มาในร่างเอสยูวีไซซ์คอมแพ็คในรหัส FE0 และยังใช้พื้นฐานเดียวกับ Nissan LEAF เจนใหม่
รูปร่างความหล่อโดดเด่น
ด้วย กระจังหน้ารูปตัววีทรง “โล่ หรือ shield” ไฟหน้า LED โคมเรียว ไฟตัดหมอกหน้า LED แผงไฟท้าย LED ดีไซน์ยาว หลังคาที่ลาดลงคล้ายรถคูเป้ พร้อมล้อที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 และขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20 ฝาท้ายไฟฟ้าภาพรวมนั้นเน้นความเรียบง่าย มีเสน่ห์ ในสไตล์ Timeless Japanese Futurism” หรือ “โลกแห่งอนาคตแบบญี่ปุ่นที่อยู่เหนือกาลเวลา” ระยะระหว่างล้อกับกันชนหน้าหลังที่สั้น ส่งผลให้มิติตัวรถลงตัวอย่างยิ่งตั้งแต่
- ความยาว 4,595 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,655 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1,908– 2,222 กิโลกรัม
- ฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 180-182 มิลลิเมตร
ภายในสร้างบรรยากาศเสมือนห้องรับรอง
ด้วยเบาะนั่งแบบ Zero Gravity ที่สร้างบรรยากาศอันอบอุ่นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางในชีวิตของพวกเขาได้ง่ายขึ้นสามารถปรับไฟฟ้าคู่หน้า 6 ทิศทาง กับ 8 ทิศทางด้านคนขับพร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะและคนนั่ง 6 ทิศทาง โดยฝั่งคนขับมีระบบดันหลังหรือ lumbar ปรับไฟฟ้า 2-4 ทิศทาง พร้อมอุ่นเบาะหน้า-หลัง และความจุสัมภาระมากถึง 408 กับ 466 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ 60/40 แต่ถ้าพับเบาะจะมีพื้นที่มากถึง 1,280-1,350 ลิตร หุ้มหนังแบบหนังสังเคราะห์และหนัง NAPPA ให้เลือก
พร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วอยู่ในชุดเดียวกัน อินเทอร์เฟซระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้ภาษาธรรมชาติเพื่อปรับการตั้งค่าต่าง ๆ ของรถยนต์ได้ รวมถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ต่างๆ แบบไร้สายมีความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นและยังช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนและจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตของพวกเขาได้ง่ายขึ้น รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบนำทาง Satellite navigation
จอแสดงผลข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD head-up display กับ Nissan Connect เชื่อมต่อการใช้งานของรถยนต์ผ่านสมาร์ตโฟน พร้อมลำโพง 6 จุด และ BOSE 10 จุดให้เลือก มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา Dual-zone climate control พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง เบรกมือไฟฟ้ากับ auto-hold ช่องเสียบ USB 4 จุดหน้า-หลัง Type A และ C
ขุมพลังไฟฟ้าหลากความแรง
มีให้เลือกเริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Standard Range พร้อมขนาดความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 63 kWh ให้แรงม้า 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 385 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 453 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 9 ชั่วโมง และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 35 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 65 นาที)
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Long Range พร้อมขนาดความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 87 kWh ให้แรงม้า 242 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 504 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 593 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.1 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 22 kW 10-100% ภายใน 4.5 ชั่วโมง (สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 12.5 ชั่วโมง) และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 40 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 90 นาที)
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 87 kWh ให้กำลังทั้งล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 395 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 487 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 573 กิโลเมตร (NEDC) Top Speed 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.6 วินาที ชาร์จทั้ง AC สูงสุด 22 kW 10-100% ภายใน 4.5 ชั่วโมง (สูงสุด 7.4 kW 10-100% ภายใน 12.5 ชั่วโมง) และ DC สูงสุด 130 kW 10-80% ภายใน 40 นาที (สูงสุด 50 kW 10-100% ภายใน 90 นาที)
โดยระบบ e-4ORCE เน้นควบคุมได้สำหรับล้อทั้งสี่ ให้ความสมดุลในประสิทธิภาพที่ทรงพลังพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำให้การขับขี่มีความสมดุลและมั่นคงด้วยพลังระดับรถสปอร์ตในพริบตา โดยทุกขนาดจับคู่กับเกียร์ Automatic แบบ reduction drive พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด ทั้ง (Standard, Eco, Sport และ Snow ในรุ่น e-4ORCE พร้อม เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal
ความปลอดภัย
ผู้ขับขี่จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นและมีเครียดลดลงด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT 2.0 ช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบช่วยจอดผ่านรีโมตหรือ ProPILOT Remote Park มาพร้อมกับความปลอดภัย แบบ 360 องศา หรือ 360 Safety Shield ที่มีทั้ง
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor
- เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Automatic Emergency Brake
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Collision Alert
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ช่วยเตือนจุดอับสายตาอัจฉริยะ Intelligent Blind Spot Intervention
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ช่วยควบคุมเลนอัจฉริยะ Intelligent Lane Intervention
- ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า Intelligent Driver Alert
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control
- อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
กระจกมองหลังอัจฉริยะ INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR (IRVM) ความละเอียดสูงที่ติดอยู่ที่กระจกด้านหลังรถ ทำให้มองเห็นภาพถนนข้างนอกด้านหลังรถ ช่วยให้วิสัยทัศน์ดี คมชัด ไม่ว่าจะมีอะไรมาบัง
Nissan ARIYA ขายทั้งหมด 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Engage, Advance, Advance+ และ EVOLUE ในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลีย เริ่มต้น $55,840-$71,840 หรือราว 1,175,000-1,514,000 บาท
ที่มา Carexpert