นิสสันมอเตอร์กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยมีแผนลดต้นทุนและปรับโครงสร้างการผลิตในหลายพื้นที่ รวมถึงการปิดปรับปรุงโรงงานในประเทศไทยที่อำเภอบางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะเหลือเพียงโรงงานเดียวในปี 2568 การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทตัดสินใจยุติการควบรวมกิจการกับฮอนด้า มอเตอร์ และยังเน้นการลดต้นทุนในด้านต่างๆ เช่น การลดจำนวนพนักงาน 2,500 คนทั่วโลก รวมถึงการรวมสายการผลิตและปรับรูปแบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ นิสสันยังตั้งเป้าเสริมความแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงการปรับปรุงรถยนต์มินิแวนที่ได้รับรางวัล เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและเตรียมตัวสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2568 การปรับโครงสร้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของนิสสันในการสร้างความยั่งยืนและเติบโตในตลาดโลกในอนาคต.
ประกาศปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในสมุทรปราการ โดยโรงงานนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แทน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตรถยนต์ลดลงประมาณ 220,000 คันต่อปี โรงงานนี้เดิมทีผลิตรถยนต์หลายรุ่น เช่น เทียน่า, เอ็กซ์เทรล, ซิลฟี่, โน๊ต, มาร์ช และอัลเมร่า (รุ่นแรก) แต่ปัจจุบันเหลือผลิตรถเพียง 2 รุ่นคือ อัลเมร่า (รุ่นปัจจุบัน) และคิกส์ ซึ่งจะย้ายไปผลิตที่โรงงานที่ 2 แทน
ปัจจุบัน นิสสันมียอดการผลิตรวม 370,000 คันต่อปี โดยแบ่งเป็น 220,000 คันจากโรงงานที่ 1 และ 150,000 คันจากโรงงานที่ 2 นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโรงงาน Nissan Powertrain Thailand ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อประกอบแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์อี-พาวเวอร์ โดยเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังผลิตเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังถึง 580,000 หน่วยต่อปี
การปิดปรับโรงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดต้นทุนของนิสสัน ที่มีเป้าหมายลดต้นทุนลงประมาณ 400,000 ล้านเยนในปีงบประมาณ 2026 และยังเป็นการรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย การปรับโครงสร้างธุรกิจนี้อาจส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตของนิสสันในประเทศไทย และต้องติดตามดูแผนการลดต้นทุนและการฟื้นฟูในอนาคต
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
