นอกจาการเปิดตัว Nissan Navara Black Edition 2022 ปิกอัพพันธุ์เข้มกันไปแล้วในส่วนรุ่นปกติของ Nissan Navara จะมีการเปิดตัวด้วยหรือไม่?
ล่าสุด Nissan แนะนำ Nissan Navara รุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2022 อย่างเป็นทางการครบทุกความต้องการตั้งแต่รุ่นตอนเดียว ตอนครึ่ง King Cab และสี่ประตู Double Cab เริ่มที่รุ่น Double Cab PRO Series ทั้งรุ่น PRO 4-X และ PRO2-X ภายนอกยังหล่อเหมือนเดิมตั้งแต่ กระจังหน้าแบบ Interlock โทนดำโดดเด่นด้วยชื่อรุ่น Navara พร้อมตราโลโก้ Nissan สีส้มแดง
พร้อมไฟหน้าแบบ Quad-eye LED 4 มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light รูปตัว C ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าทรงสปร์ตเสริมคิ้วชายล่างกันชนหน้าสีดำ ส้มแดง พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยสีดำเข้มขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain ขนาด 17 นิ้ว 255/65R17 YOKOHAMA GEOLANDAR AT-S G012 ในรุ่น PRO4-X ส่วน PRO2-X ได้ยาง HT
คิ้วขอบล้อสีดำขลิบส้มแดง ดุดัน มือจับประตู แร็คหลังคา บันไดข้างตกแต่งด้วยสีดำ ไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียว กันชนหลังเพิ่มสเต็ปด้านท้ายรถสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลง และตัดกระจกคู่หลังและกระจกบานหลังกรองแสงด้วยสีชาหรือ Privacy Glass ออก
ในส่วนรุ่น Calibre ยกสูง กับ รุ่น King Cab 2WD ทุกอย่างคงเดิมยกเว้นรุ่น King Cab Calibre V 7AT เปลี่ยนล้ออัลลอยจากเดิม 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65R17 มาเป็นล้ออัลลอยลายใหม่ลายเดียวกับรุ่น Black Edition แต่เป็นทูโทนปัดเงาขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 255/60 R18
นอกนั้นคงเดิมทั้งกระจังหน้าโครเมี่ยมสไตล์ Interlock ปักชื่อรุ่น Navara เสริมความโดดเด่นด้วย ไฟหน้าแบบ Quad-Eye LED 4 ดวง เพิ่มความสว่างและความปลอดภัยขึ้นอีกขั้น มือจับประตู และแร็คหลังคา เสริมความเท่และมีสไตล์ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 255/65R17 และกระทะล้อ 16 นิ้วพร้อมยาง 205R16C กระบะตอนท้ายได้เพิ่มลำดับท้ายรถสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลงรวมถึงชุดบันไดด้านข้าง
ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียวและรุ่น Single Cab เข้มด้วยกระจังหน้าแบบ Interlock สีดำขนาดใหญ่ มาพร้อมไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ลงตัวด้วยกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ รวมถึงที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง Built-IN เพิ่มความสะดวกในการขนของบรรทุก
ภายในสำหรับรุ่น Double Cab PRO Series ทั้ง PRO4-X กับ PRO2-X และรุ่น King Cab Calibre V 7AT เพิ่มความสบายมากขึ้นด้วยเบานั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้าในด้านคนขับพร้อม QUOLE MODURE ใหม่ ช่วยสะท้อนความร้อนทุกตำแหน่ง รวมถึงรุ่นอื่นๆยังคงเดิมทั้ง จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว Nissan Connect เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple Car Play หรือ Android Auto มาตรวัดเรืองแสงหน้าจอสีแสดงผลสามมิติ TFT 7 นิ้ว
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านหุ้มหนัง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา พร้อมแอร์ช่องหลัง เบาะนั่งหลังในรุ่น Double Cab เพิ่มที่พักแขนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งและหมอนรองศีรษะตรงกลาง เหนือกว่าคือความเงียบเมื่ออยู่ในห้องโดยสารด้วยกระจกหน้าและข้างตอนหน้าเป็นแบบเก็บเสียง หรือ Acoustic glass (ยกเว้นรุ่น SL กับ E)
ส่วนรุ่น SL ทั้ง King Cab และ Single Cab มีจอสัมผัส 7 นิ้ว Nissan Connect เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple Car Play หรือ Android Auto พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมกระจกไฟฟ้าเซ็นทรัลล็อคและกุญแจรีโมท และตัดระบบ Nissan Connect Service แจ้งสถานะรถผ่านทางสมาร์ทโฟนแล้วในรุ่น Double Cab PRO Series
ขุมพลังแรงเช่นเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที YS23DDTT จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม Manual Mode กับเทอร์โบเดี่ยว 2.3 ลิตร YS23DDT 163 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที
ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.5 ลิตร รุ่น YD25DDTI 163 แรงม้า ที่ 3600 รอบต่อนาที แรงบิด 403 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที โดยทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ PRO4-X และ Single Cab 4WD มาในแบบ Part-Time พร้อมล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential
ความปลอดภัยรอบคันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ 360 Safety Shield ทุกรุ่นยกเว้นรุ่น SL ทั้งกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ทำงานคู่กับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection – MOD)
สำหรับรุ่น Double Cab PRO Series ทั้งรุ่น PRO4-X กับรุ่น PRO2-X และรุ่น King Cab Calibre V 7AT ได้เทคโนโลยีความปลอดภัยด้วยช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงหรือ Advance Driver Assistance System (ADAS) ทั้ง เทคโนโลยีเตือนเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)
เตือนคนขับอัจฉริยะ (Intelligent Driver Alertness-IDA) นอกจากนี้ในรุ่น PRO2-X กับ King Cab Calibre V 7AT เพิ่มออพชั่นเทียบเท่ารุ่น PRO4-X ทั้งเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) ควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention) เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) และเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam -AHB)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทุกรุ่นทั้งระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ตั้งแต่รุ่น Calibre E เป็นต้นไปได้ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSA) ป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS)
จุดยึดที่นั่งเด็กสำหรับเบาะหลัง ISOFIX ในรุ่น Double Cab ล็อกความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และสัญญาณกะระยะการจอดด้านหลัง
พิเศษ!!ในรุ่น Double Cab PRO Series ทั้งรุ่น PRO4-X กับ PRO2-X ได้ถุงลมนิรภัย 7 จุด รวมใต้เข่าคนขับ และรุ่น PRO4-X ได้ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และจอมอนิเตอร์ระบบ Off-Road Meter
Nissan Navara MY2022 มีทั้งหมด 7 สีได้แก่ สีขาว ไวท์ โซลิด (White Solid), สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver), สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star), สีแดง เบิร์นนิ่ง เรด (Burning Red), สีทองแดง ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper) และ สีเทา สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray)
ขณะที่รุ่น PRO Series (PRO4X และ PRO2X) มีทั้งหมด 4 สีทั้ง สีเทา สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray), สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl),สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) และสีแดง เบิร์นนิ่ง เรด (Burning Red) โดยมีราคาดังนี้
รุ่น Double Cab PRO Series
– PRO-4X 4WD 7AT 1,160,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 11,000 บาท)
– PRO-2X 2WD 7AT 1,030,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 31,000 บาท)
รุ่น Double Cab
– CALIBRE E 7AT 899,000 บาท
– CALIBRE E 6MT 849,000 บาท
– 4WD VL 7AT discontinued
– CALIBRE V 7AT discontinued
– CALIBRE V 6MT discontinued
รุ่น King Cab
– CALIBRE V 7AT 859,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 30,000 บาท)
– CALIBRE E 7AT 815,000 บาท
– CALIBRE E 6MT 765,000 บาท
– E 6MT 689,000 บาท
– SL 6MT 649,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 40,000 บาท)
– CALIBRE V 6MT discontinued
– S 6MT discontinued
รุ่น Single Cab
– SL 6MT 4WD ราคา 659,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
– SL 6MT ราคา 575,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 20,000 บาท)
– S 6MT discontinued
– Chassis Cab 6MT discontinued
