งานนี้ค่ายเพื่อนทีแสนดีอย่าง Nissan พร้อมส่งรถยนต์ใหม่รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานทางเลือกไม่ว่าจะ EV Hybrid และ e-Power
โดยเฉพาะรถยนต์ที่ติดตั้งขุมพลัง e-Power กระจายให้เห็นกันแล้วในร่างรถยนต์นั่งทั้ง Nissan Kicks, Nissan Serena, Nissan Note, Nissan Qashqai และ Nissan X-Trail และ Full Hybrid ในบางรุ่นเช่น Nissan Pathfinder จนหลายประเทศให้การตอบรับอย่างดี ล่าสุด นาย Nic Thomas ผู้อำนวยการฝ่ายยานยนต์ไฟฟ้าของ Nissan ให้สัมภาษณ์ระหว่างการมาเยือนออสเตรเลียว่า เป็นไปได้ว่าในอนาคตราคาแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังมากขึ้น อาจมีราคาถูกลงส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกเติบโตขึ้นและสามารถขยายกลุ่มไปยังกลุ่มรถยนต์ใหม่ที่ไม่เคยใช้ขุมพลังแบบนี้อย่างเช่นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
ซึ่งตรงกับทาง Nissan ที่มีแผนที่เปิดตัวรถยนต์ที่ขุมพลังรองรับพลังงานทางเลือกใหม่ออกจำหน่ายในเวอร์ชันรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถตู้ รถยนต์เอสยูวี อาจรวมถึง Nissan Navara เจเนอเรชันใหม่ที่จะใส่ขุมพลัง e-Power เป็นส่วนหนึ่งของแผนการแนะนำรถยนต์พลัง e-Power และ xEV ทั้ง Hybrid และ ไฟฟ้าล้วน อย่างละ 8 รุ่น รวมกัน 16 รุ่น ภายในปี 2025 คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ของยอดขายที่ยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนออสเตรเลียเพิ่มรถยนต์อีวีและ e-Power เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ของรุ่นที่จำหน่ายภายในปี 2022
นอกจากนี้ Nic Thomas กล่าวเพิ่มเติมว่าการที่จะนำขุมพลัง e-Power มาประจำการในรถเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงกระบะ Nissan Navara เจเนอเรชันใหม่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ต้องปรับปรุงพัฒนาทั้งแบตเตอรี่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมสำหรับการใช้งาน เสริมความทนทาน อึด ถึก เทียบเท่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้แรงบิดและการฉุดลากทรงประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีขุมพลังดีเซลจำหน่ายควบคู่กัน ถึงแม้ในช่วงกลางทศวรรษ 2020 นี้อาจมีเทคโนโลยีอื่นมาคั่นกลางก่อนนั่นก็คือ Fuel Cell หรือ FCEV มาเสริมก็เป็นได้
จับตาแล้วว่าภารกิจเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าของ e-Power ที่จะใส่ใน Nissan Navara เจเนอเรชันใหม่ไม่รู้ว่าหวยจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลหรือเบนซินมาปั่นไฟควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ควบคู่กับขายดีเซลล้วนจะมาทันในปี 2025 และไทยได้รับอานิสงส์มากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม
ที่มา Carsales
