นอกจากเปิดตัว Nissan X-Trail รุ่นปรับโฉมเวอร์ชันปกติแล้วยังมีเวอร์ชันแต่หล่อจากโรงงานอีกหลายเวอร์ชันประเดิมด้วย Nissan X-Trail NISMO
Nissan X-Trail NISMO ใช้พื้นฐานรุ่นปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่งหน้าแต่งตาให้ดุดันไม่เกรงใจคู่แข่งระดับเดียวกัน
ภายนอกใหม่
เริ่มที่ด้านหน้าปรับในส่วนชุดกันชนหน้าดีไซน์ดุเสริมลิ้นกันชนหน้าขลิบสีแดงเพื่อเพิ่มความดุดัน ชุดกระจังหน้ารูปตัววี V-motion ขนาดใหญ่เติมเส้นโครเมียมแนวนอน 5 ชั้นสีดำ หลังคาดำ ราวหลังคาบิ๊วอินสีดำ เสาอากาศครีบฉลามสีดำ กรอบกระจกโครเมียม เสริมคิ้วขอบล้อสีดำเงา กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED สีดำขลิบแดง สเกิร์ตข้างทรงสปอร์ตสีดำขลิบแดง ด้านท้ายเท่ด้วยสปอยเลอร์หลังรูปตัว U คว่ำล้อมกรอบฝาท้าย สีดำพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
กันชนหลังใหม่พร้อมดิฟฟิวเซอร์ขลิบแดงและไฟเบรกแบบ F1 ติดตั้งตรงกลางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก ยังคงซ่อนท่อไอเสียไว้ใต้กันชน และล้ออัลลอยลายสปอร์ต 5 ก้านคู่ลายเข้มขนาด 20 นิ้วแบบ MAT ของ ENKEI ทำให้มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่งสูง พร้อมยาง 255/45R20 จาก Michelin PILOT SPORT EV
ไฟหน้า multi-level LED ดีไซน์เรียวอยู่ด้านล่างพร้อมไฟ Adaptive LED ขยับขึ้นไปเป็นไฟ DRL อยู่บนสุดและไฟเลี้ยวอยู่ในชุดเดียวกัน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ด้านท้ายมีการปรับแค่กันชนหลังส่วนชุดไฟท้าย LED สไตล์บูมเมอแรงโคมเดิมเพิ่มการมองเห็นได้ชัดขึ้น ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติพร้อมระบบแฮนด์ฟรี ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน CMF-C platform ในรหัส T33 มิติตัวรถคงเดิมตั้งแต่
- ความยาว 4,705 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,840 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,720 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 185 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,870-1,890 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ภายในดุดิบ
ตกแต่งตามสไตล์ NISMO หุ้มหนังเกรดคุณภาพสีดำเดินด้ายแดงทรงมาตรฐาน และเบาะคู่หน้าทรงเรสซิ่งจาก RECARO หุ้มหนังกลับสีแดง/สีดำ รองรับกับแนวกระดูกสันหลังตามหลักสรีรศาสตร์เฉพาะรุ่น NISMO Advanced Package e-4ORCE ทั้งคู่ปรับไฟฟ้าพร้อมอุ่นเบาะ
ติดตั้งหนังสัมผัสบริเวณคอนโซลกลาง แผงประตูสีดำเดินด้ายสีแดง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ดีไซน์เดียวกับ Nissan ARIYA หุ้มหนังดำเดินด้ายแดง มีแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัย “On-Centre Marker” เพื่อบอกตำแหน่งองศาของพวงมาลัย ตรา NISMO หลังปุ่มเบรกมือไฟฟ้า และ Auto Hold และปุ่ม Push Start สีแดง
ครั้งแรกของโลกมาพร้อมระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay ไร้สาย อัปเดตออนไลน์ over-the-air ให้ทันสมัยตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นระบบความบันเทิง ระบบต่างๆที่เกี่ยวเนื่องในชุดจอสัมผัส 12.3 นิ้ว
ชุดแผงคอนโซลหน้าแนวลักชัวรีสีทูโทนพร้อมมาตรวัดดิจิตอล Full LCD ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพงคุณภาพ 9 จุด จาก BOSE จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้าสี head-up display 10.8 นิ้ว เครื่องปรับอากาศแยกโซน 3 Zone ซ้าย-ขวา และด้านหลัง คอนโซลเกียร์ทรงใหญ่โตจับกระชับ Nissan Connect เพิ่มมีฟังก์ชันสั่งเปิดแอร์ผ่านสมาร์ทโฟน และสั่งล็อกประตูจากระยะไกล
2 ตอน 5 ที่นั่งโดยที่นั่งตอน 2 สามารถเลื่อนและพับเก็บแบบ 40:20:40 ระบบชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา ช่องเชื่อมต่อ USB type C ทั้งแบบ 2 จุดด้านหน้าและเพิ่มอีก 2 จุดด้านหลัง และช่องเสียบปลั๊ก 100V AC power supply (1500W) สามารถเสียบปลั๊กใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้
ขุมพลังใหม่ e-Power Turbo เจเนอเรชันที่ 2
ด้วยพลังไฟฟ้าขยายระยะทาง EREV (Extended Range Electric Vehicle) ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน VC Turbo 3 สูบ KR15DDT ให้กำลังถึง 144 แรงม้าที่ 4,400-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที
ขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า BM46 เป็น 204 แรงม้าที่ 4,501-7,422 รอบต่อนาที แรงบิด 330 นิวตันเมตรที่ 0-3,505 รอบต่อนาที และจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 136 แรงม้าที่ 4,897-9,504 รอบต่อนาที แรงบิด 195 นิวตันเมตรที่ 0-4,897 รอบต่อนาที ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 340 แรงม้าที่ 9,398 -16,926 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 525 นิวตันเมตรที่ 0-8,402 รอบต่อนาที
พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมดทั้ง Sport, Off-Road, Snow, Auto, ECO ปรับบุคลิกใหม่โดยโหมด Sport เน้นการตอบสนองที่ไวเหมือนรถอีวี และโหมด AUTO เน้นเร่งต่อเนื่อง มาพร้อมระบบ VCM (Vehicle Control Module) ปรับจูนพิเศษควบคุมการทำงานทุกส่วนของรถยนต์ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เบรก
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction และ Pro Pilot พร้อมอินเวอร์เตอร์ และ แบตเตอรี่ ทำงานร่วมกันเน้นให้มอเตอร์ขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ติดตั้งระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน โดยชุด e-Pedal สามารถชะลอหยุดจนถึงจุดหยุดนิ่ง
ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อติดตั้งโช้คอัพใหม่ Kayaba Swing Valve ควบคุมการทรงตัวอย่างดีลดอาการโคลงซึ่งเป็นปัญหาประจำของรถเอสยูวีที่มีระยะต่ำสุดจากพื้นค่อนข้างสูง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ e-4ORCE มีการปร้บใหม่ตามสไตล์ NISMO โดยเพิ่มแรงขับไปยังล้อหลังพร้อมคุมล้อหน้าให้มีประสิทธิภาพในการเลี้ยวเกาะถนนแม่นยำและปรับในส่วนการกระจายแรงขับหน้า-หลังให้เหมาะกับโหมดการขับขี่ทุกสภาพถนน
ความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor เพิ่มฟังก์ชัน 3D View มองรอบคัน, Invisible Hood View แสดงภาพพื้นถนน ช่วยในการเลี้ยวหรือถอยที่แคบได้อย่างปลอดภัย และ Front Wide View เปิดภาพอัตโนมัติเมื่อรถเข้าใกล้จุดที่บันทึกไว้โดยเฉพาะตามทางแยกที่ใช้ประจำ
- เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking
- เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Automatic Emergency Brake
- ช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection
- ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert
- เตือนออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
- เบรกหลังอัตโนมัติ Rear Automatic Braking
- ขับขี่อัตโนมัติ Pro PILOT Assist
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control
- ดึงกลับเข้าเลนอัตโนมัติ Lane-Keeping Assist
- ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control
- ช่วยควบคุมพวงมลัย Steering Assist
Nissan X-Trail NISMO เปิดขายที่ญี่ปุ่น 24 กันยายน ขาย 2 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 5,416,400-5,962,000 YEN หรือราว 1,199,000-1,319,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายในไทยราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 3,449,000-3,795,000 บาท
