ค่าย CHERY มาเลเซียเปิดตัวหน้าใหม่ไมเนอร์เชนจ์ OMODA C5 หรืออีกชื่อ OMODA O5 เอสยูวีทรงสปอร์ตพลังเทอร์โบล้วน
OMODA C5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ถอดแบบจากรุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวทั่วโลกเมื่อมีนาคมที่ผ่านมาเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ด้านหน้าใหม่
ด้านหน้าชุดกระจังหน้าใหม่ทรงสีเหลี่ยมลายเกล็ด 3 มิติ กันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมให้ใหญ่ขึ้น ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R18 นอกนั้นคงเดิมทั้ง ฝากระโปรงหน้าล้อมด้วยขอบไฟ DRL LED ซ้าย-ขวาโอบรับกับตัวรถถัดลงมาเป็นไฟหน้าแบบ LED matrix แนวตั้งซ้าย-ขวา พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
หลังคารถออกแบบอย่างเฉียบขาดเทียบชั้นรถยุโรป ไฟส่องสว่างพื้นใต้กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว LED หลังคาซันรูฟ เสาอากาศครีบฉลาม ขอบประตูสีดำเงา พร้อมไฟท้าย LED แนวยาวแบบวิ่ง Sequential พร้อมไฟตัดหมอกหลัง LED ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า Hand-Free ตัวรถมีมิติดังนี้
- ความยาว 4,400 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,830 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,588 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร
- ความสูงใต้ท้องรถ 165 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,434 กิโลกรัม
- ความจุถ้งน้ำมัน 51 ลิตร
ภายในคงเดิม
ด้วยจอขนาดใหญ่ 2 จอที่รวมกัน 20.5 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว และจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบ Dual Screen รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto ประมวลผลเร็วผ่าน Qualcomm 8155 ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถล็อกและปลดล็อกรถอัตโนมัติเพียงเดินเข้าใกล้หรือเดินออกจากรถในระยะไกล
มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังการชาร์จ 50W ลำโพงคุณภาพจาก SONY 8 จุด และช่องเสียบ USB Type-A และ Type C หน้า-หลัง
เบาะนั่งหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง คนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 โดยความจุด้านท้ายรถมากถึง 380 ลิตรกระจกคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวนภายนอก พร้อม Privacy Glass และระบบอุ่นเบาะ ปรับระดับที่เก็บสัมภาระท้ายให้ต่ำลงจากรุ่นเดิมโดยเมื่อปรับระดับพื้นที่ให้ต่ำลงเหลือ 432 ลิตร และมาตรฐาน 380 ลิตร
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบ
ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C 230T ให้กำลัง 156 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750–4,000 รอบต่อนาทีพร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 6 สปีดลูกใหม่ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักได้ถึง 2 ระดับทั้ง Comfort และ Sport พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อพัฒนาใหม่เพิ่มการทรงตัวเกาะถนนมากขึ้น ด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ด้านหลังแบบ Multi-link
ความปลอดภัย Safety
มาพร้อมระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) มากถึง 18 ระบบ ดังนี้
- ระบบเตือนการออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ป้องกันการออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
- ช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist (LKA)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping Assist (ELKA)
- ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Detection System (BSD)
- เตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- เตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning (FCW)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Integrated Cruise Control (ICC)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Brake (AEB)
- ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ตั้งค่าไว้ Traffic Jam Assist (TJA)
- จำกัดความเร็ว Smart Active Speed Limit Assist (SLA)
- ช่วยควบคุมความเร็วรถ Speed Control Assist (SCA)
- จดจำป้ายจราจร Traffic Signs Recognition (TSR)
- ช่วยเหลือความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Assist (ISA)
- ไฟสูงอัตโนมัติ Intelligent High-Beam Control Headlamp (IHC)
- ช่วยลดความรุนแรงจากการชนปะทะในขณะที่รถออกตัว Drive Away Information (DAI)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ระบบเบรกปองกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS) กระจายแรงเบรก Electronic Brakeforce Distribution (EBD) ช่วยเบรก Brake Assist System (BAS) ลดกําลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก Brake Override System (BOS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Program (ESP) ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control System (TCS)
ช่วยเบรกฉุกเฉิน Emergency Brake Assist (EBA) ป้องกันรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน Hill Start Assist Control (HAC) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ตรวจสอบแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ถุงลมนิรภัยรอบคัน กล้องแสดงภาพ Panoramic ในลักษณะ 540 องศา และสัญญาณกะระยะการจอดรถ หน้า 2 จุด และหลัง 4 จุด
OMODA C5 รุ่นปรับโฉมเตรียมเปิดตัวที่มาเลเซียเริ่มต้นที่ RM116,800 รวมค่า on-the-road แต่ไม่รวมค่าประกันภัยของมาเลเซียหรือราว 889,000 บาท มีทั้งหมด 4 สี ทั้ง สีขาว Khaki White สีเทา Phantom Grey สีดำ Carbon Black และสีแดง Bloodstone Red ส่วนไทยพบกันปลายปีนี้ (ไตรมาสที่ 4 )ทั้งไฟฟ้าล้วนและฟูลไฮบริด
ที่มา Panulaju
