ในขณะที่เมืองไทยเตรียมเปิดตัว OMODA C9 SHS อย่างเป็นทางการภายในปีนี้ แต่ว่าออสเตรเลียกลับตัดหน้าเตรียมเปิดตัวก่อน
OMODA C9 SHS นำพื้นฐานจาก EXEED YAOGUANG หรือ EXEED RX เปิดตัวจีนเมื่อปี 2022 ขายต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้าจริตของตลาดโลกด้วยการแปะตรา OMODA
หน้าตายุคใหม่ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบติดตรา OMODA ทูโทนโครเมียมสลับกับสีดำเข้มคู่กับไฟหน้า LED พร้อมไฟส่อง DRL แบบ LED รูปเลขเจ็ดในโคมเดียวกันรับกับกันชนหน้าดีไซน์เด่นเล่นระดับพร้อมช่องระบายอากาศทรงสีเหลี่ยมลายเกร็ด 3 มิติ และใต้ช่องป้ายทะเบียนด้านหน้าสีดำพร้อมคิ้วชายล่างกันชนสีเงิน
ราวหลังคาทรงบิ๊วอินน์กลมกลืนกับหลังคาและพาโนรามิกซันรูฟ ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ กระจกมองข้างทรงสปูน คิ้วสีเงินเสริมหล่อติดบริเวณประตูรถคู่หน้าและบังโคลนหน้า กระจกตรงเสา D ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คิ้วขอบล้อสีดำเข้ม ผสานกับคิ้วชายล่างประตู โทนสีดำผสมสีเดียวกับตัวรถ
ไฟท้าย LED แนวยาวประดับด้วยตัวอักษร OMODA ประกบด้วยกันชนหลังทรงหรูด้วยตัวรถที่ใหญ่กว่าพร้อมไฟทับทิมแนวตั้งพร้อมคิ้วเสริมกันชนหลังสีเงินเส้นเล็กในชุดลิ้นสปอยเลอร์กันชนหลังเสริมหล่อเสริมหรู ประตูท้ายไฟฟ้าแบบ Powered Tailgate พร้อมล้ออัลลอยเลือกได้ทั้งขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55 R19 กับ 20 นิ้วพร้อมยาง 245/50 R20 ตัวรถใหญ่แบบทรงกล่องหลังคาลาดไซซ์กลางตั้งแต่
- ความยาว 4,781 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,920 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,671 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,815 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,195 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
ภายในล้ำอนาคตมาแบบ 5 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ด้านท้ายถึง 660 ลิตรกรฯณีไม่พับเบาะและพับเบาะแบบ 60/40 มีพื้นที่มากถึง 1,783 ลิตร คอนโซลหน้าพร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมดูหรูหรา เด่นด้วยจอคู่บอกทั้งความเร็วรถกับจอระบบความบันเทิงเชื่อมต่อการสื่อสารทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งหมด 24.6 นิ้ว พร้อมชิปประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 8155
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงท้ายตัดแบบ Multi-Kinetic Flat-Bottom ปะตัวอักษร OMODA ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD 50 นิ้ว และที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50 W ลำโพงคุณภาพจาก SONY 14 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry
ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดด้วยเบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRH4J15 ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 215 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวโดยมอเตอร์ 2 ตัวจะอยู่ที่ชุดส่งกำลังให้กำลัง 102 แรงม้า และ 122 แรงม้า และมอเตอร์ตัวที่สามอยู่ที่ล้อหลัง 163 แรงม้าพร้อม ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery ทั้งขนาด 19.43 และ 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 619 แรงม้า แรงบิด 915 นิวตันเมตรแต่เมื่อขายออสเตรเลียถูกหั่นพลังรวมเหลือ 599 แรงม้า วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน WLTP หรือ 176 กิโลเมตร (NEDC)
ถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทั้งระบบทำได้ 1,100 กิโลเมตรตามาตรฐาน CLTC หรือ 1,046 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC รองรับกำลัง 6.6 kW 0-100% ภายใน 5.5 ชั่วโมงและกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จ 40 kW จาก 30-80% ในเวลาเพียง 25 นาที
และยังมีเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร Acteco รหัส F4J20C แรงม้าลดลงเหลือ 249 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก AISIN พร้อมการขับขี่อัจฉริยะ 7 โหมด ทั้ง ECO, Standard, Sports, Snow, MUD, Sand และ Off Road และขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้เลือก พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) แม่นยำเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
- เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)
- เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limiter) อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540° รวมถึงหลังคารถ
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด รวมถุงลมนิรภัยใต้เข่าคนขับ
OMODA C9 SHS เตรียมเปิดตัวและขายที่ออสเตรเลียเดือนสิงหาคมส่วนทางด้านเมืองไทยพบกัน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 นี้ พร้อมกับ OMODA C5 HEV, OMODA C5 EV รุ่นปรับโฉม JAECOO 5 HEV และรถ REEV 1 รุ่น
ที่มา Carexpert