Zero Motorcycle ค่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน อัพเกรด Zero DS และ DSR รถสไตล์ทัวร์ริ่งไบค์ ด้วยการพัฒนามอเตอร์ และแบตเตอรี่ใหม่ทั้งหมด
Zero Motorcycle เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน ถือว่าเป็นค่ายแรกๆ ที่บุกเบิกและพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ประกาศการอัพเกรด Zero DS และ DSR รถสไตล์ทัวร์ริ่งไบค์ที่ได้รับการพัฒนามอเตอร์ และแบตเตอรี่ใหม่ทั้งหมด
2024 Zero DS ได้อัพเกรดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Z-FORCE ชุดใหม่ขนาด 14.4 kWh แทนจากรุ่นก่อนหน้าที่เป็นชุดแบตเตอรี่ขนาด 7.2 kWh หรือเข้าใจง่ายๆ คือมีชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัวนั่นเอง ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้เคลมไว้ว่า DS จะสามารถใช้งานภายในเมืองได้อยู่ที่ 232 กม. ด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 90 กม./ชม. และสามารถใช้งานได้ 157 กม/ชม. ด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 110 กม./ชม.
นอกจากนี้ยังได้พัฒนาส่งกำลังด้วยมอเตอร์ Z-Force 75-7 ใหม่ทั้งหมดซึ่งเป็นมอเตอร์ AC แม่เหล็กถาวรภายในรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Zero ซึ่งสามารถความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 167 กม./ชม. และมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 132 นิวตันเมตร
ส่วนระยะเวลาในการชาร์จในรุ่น DS จาก 0 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 9.2 ชั่วโมง ด้วยปลั๊กไฟมาตรฐานในครัวเรือน หากใช้เครื่องชาร์จ L2 เวลาจะลดลงเหลือ 4 ชั่วโมง และถ้าใช้อุปกรณ์เสริมเครื่องชาร์จแบบเร็วขนาด 6 กิโลวัตต์ จะสามารถลดเวลาลงเหลือเพียง 1.3 ชั่วโมง
ถัดมาในรุ่น 2024 Zero DSR ได้อัพเกรดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Z-FORCE ชุดใหม่ขนาด 15.6 kWh โดยทางแบรนด์ก็ได้เคลมไว้ว่า DSR จะสามารถใช้งานภายในเมืองได้อยู่ที่ 249 กม. โดยส่งพละกำลงขบเคลื่อนผ่านมอเตอร์ Z-Force 75-10X ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษซึ่งให้พละกำลังแรงสูงสุดที่ 80 แรงม้า ที่ 3,650 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 195 นิวตันเมตร
ส่วนระยะเวลาในการชาร์จในรุ่น DSR จาก 0 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 10 ชั่วโมง ด้วยปลั๊กไฟมาตรฐานในครัวเรือน หากใช้เครื่องชาร์จ L2 เวลาจะลดลงเหลือ 3.9 ชั่วโมง และถ้าใช้อุปกรณ์เสริมเครื่องชาร์จแบบเร็วขนาด 6 กิโลวัตต์ จะสามารถลดเวลาลงเหลือเพียง 1.4 ชั่วโมง
สำหรับราคาจำหน่าย 2024 Zero DS มีราคาอยู่ที่ 15,995 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 549,000 บาท และ 2024 Zero DSR มีราคาอยู่ที่อยู่ที่ 19,995 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 686,000 บาท ส่วนการเข้าทำตลาดในไทยยังคงต้องรออีกต่อไป แม้ว่า Zero Motorcycle จะเคยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยกระแสความนิยมในช่วงนั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จจึงทำให้ต้องปิดตัวลง
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day