More

    เปิดโผมอเตอร์ไซค์ใหม่ จ่อขายไทยปี 2025

    ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2024 ก็มีมอเตอร์ไซค์ใหม่เปิดตัวมาเยอะอยู่พอสมควร และก็มีหลากหลายรุ่นที่เหล่าไบค์เกอร์ชาวไทยต่างเฝ้าคอย และสำหรับปีนี้มาดูกันว่าตลาดมอเตอร์ไซค์จะมีรุ่นไหยบ้างที่เตรียมจำหน่ายในประเทศไทยปี 2025

    1.Honda Forza 750

    เริ่มกันที่ Honda Forza 750 พรีเมียมบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่คาดการณ์มาแล้วหลากหลายรอบว่าจะขายในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่มาสักที และล่าสุดในช่วงปลายปีมีกระแสข่าวลือจากโซเชียลมีเดียที่เหมือนดูเป็นประกายแห่งความหวังถึงแนวโน้มว่าบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้กำลังเตรียมเปิดตัวในไทยปี 2025 นี้

    สำหรับสเปคพื้นฐาน Forza 750 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 750 ซีซี SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งให้กำลังสูงสุดที่ 57.7 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 69 Nm 7,000 รอบ/นาที และที่น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุดของโมเดลคือชุดเกียร์ DCT ที่สามารถขับขี่ได้ทั้งแบบออโต้ และระบบแมนนวลที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

    2. Yamaha NMax Turbo

    Yamaha NMax Turbo สปอร์ตสกู๊ตเตอร์คลาส 150 ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเปิดตัวมาพร้อมกับอัปเดทใหม่ไม่ว่าจะเป็นภายนอก และเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ที่เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยในส่วนของการออกแบบมีความเปลี่ยนแปลงเยอะอยู่พอสมควร ในส่วนของไฟหน้าและไฟเลี้ยวดีไซน์เหมือนรูปตัว M โดยส่วนของไฟหลักจะเป็นไฟ LED โปรเจคเตอร์สองดวง มีไฟ DRL เป็นเส้นตรง และขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยว LED ส่วนของด้านท้ายก็ปรับเปลี่ยนใหม่แยกชัดเจนระหว่างไฟท้ายกับไฟเลี้ยว

    ส่วนของขุมพลังเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของ NMax Turbo ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Blue Core 155 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุด 15.36 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.2 นิวตันเมตร มีระบบวาล์วแปรผัน VVA ซึ่งมาควบคู่กับเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT (YECVT) มาเสริมความเป็นสปอร์ตมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ โหมดการขับขี่ 2 โหมด คือ T Mode: Town Commuting  และ S Mode: Sport Touring พร้อมด้วย Turbo Y-Shift  ที่จะมอบประสบการณ์การเร่งความเร็วด้วย 3 ระดับ

    3.Keeway V302N

    Keeway V302N มอเตอร์ไซค์ แนวสตรีทไฟเตอร์สไตล์อิตาลี ได้รับการออกแบบที่ดึงดูดด้วยไฟหน้า LED ทรงกลมขนาดใหญ่ หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดิจิตอลทรงกลม  มีช่องดักอากาศใหญ่ที่ด้านหน้าเติมเต็มให้ตัวรถมีความดุดันมากขึ้น มาพร้อมเบาะนั่งแยกแบบสปอร์ต สวิงอาร์มเดี่ยว โครงเฟรมถักที่โชว์ให้เห็นเครื่องยนต์ ปลายท่อไอเสียคู่ และวงล้อสีแดงเพื่อให้ได้ลุคสปอร์ตเต็มพิกัด

    ด้านเครื่องยนต์ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จาก Benda Chinchilla 300 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สองสูบ V-Twin ขนาด 298cc 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลังสูงสุด 29.5 แรงม้า และแรงบิด 26.5 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยโซ่ ส่งพละกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมด้วยระบบสลิปเปอร์คลัตช์ ส่วนช่วงล่าง โช้คอัพหน้าหัวกลับและโช้คอัพหลังเดี่ยว สามารถปรับพรีโหลดได้ ระบบเบรกดิสก์เบรกหน้าขนาด 296.5 มม. และ ดิสก์เบรกขนาด 240 มม. ที่ด้านหลัง พร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel และวงล้อขนาด 17 นิ้ว

    4. Aprilia RS 457

    สปอร์ตฟลูแฟริ่งตัวเริ่มไซส์กลางที่มาพร้อมกับหน้าตาอันหล่อเหลา โดดเด่นด้วยไฟด้านหน้า LED แบบโคมคู่แยกซ้ายขวา พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยวในตัวและ ไฟ Daytime Running Light แผงหน้าปัด TFT สีเต็มรูปแบบขนาด 5 นิ้ว เติมเต็มความเป็นสปอร์ตไบค์ด้วยเบาะนั่งแบบแยกส่วน และชุดแฮนด์จับโช้ค

    สำหรับเครื่องยนต์ใช้เป็นเครื่องยนต์ 2 สูบขนาด 457cc ระบายความร้อนด้วยน้ำให้พละกำลัง 47 แรงม้า และแรงบิด 43.5 นิวตันเมตร และมีจุดเด่นอยู่ที่คันเร่งไฟฟ้าที่ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างแม่นยำ พร้อมด้วยควิกชิฟเตอร์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างโหมดการขับขี่ 3 โหมด และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน 3 ระดับที่สามารถเปิด/ปิด เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

    5. Suzuki GSX-S1000GX

    GSX-S1000GX สปอร์ตทัวเรอร์ที่ถูกจัดวางตำแหน่งการตลาดไว้ตรงกลางระหว่าง GSX-S1000GT และ V-Strom 1050 โดยนำเสนอเครื่องยนต์ระดับซูเปอร์ไบค์พร้อมแชสซี ระบบกันสะเทือน ระยะห่างจากพื้นที่สูงขึ้น และตำแหน่งการขับขี่แบบหลังตรง สำหรับการออกทริปเดินทางไกล

    GSX-S1000GX มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี แบบ DOHC 4 สูบ ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด เคลมไว้ว่ามีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า  แรงบิด 106 นิวตันเมตร  และมาพร้อมระบบ Suzuki Clutch Assist System และควิกชิพเตอร์ เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

    6. Honda CB1000 Hornet

    CB1000 Hornet น็กเก็ตสตรีทไฟท์เตอร์ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา มาพร้อมสัญลักษณ์ปีกข้างบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง และไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED คู่ขนาดกะทัดรัด โครงเฟรมสปาร์คู่แบบใหม่ที่ดูคล้ายกับของ 750 Hornet

    ด้านสมรรถนะใช้เป็นเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบเรียงขนาด 998 ซีซี 4 จังหวะ DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นขุมพลังเดียวกันกับ CB1000R ที่เป็น Neo-Sport Cafe แต่เครื่องยนต์ CB1000 Hornet นั้นจะถูกปรับจูนใหม่ ทำให้มีกำลังสูงสุด 147.5 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 98.9 นิวตันเมตร

    7. Yamaha Aerox Alpha

    Yamaha Aerox Alpha เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่นานนี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยสิ่งที่น่าสนใจ คือ ตัวรถมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่เพียงแต่การออกแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการอัพเกรดสมรรถนะและคุณสมบัติต่างๆ รวมถึงระบบ Yamaha Electric CVT หรือที่เรียกว่าเครื่องยนต์ ‘เทอร์โบ’ สไตล์ ยามาฮ่า

    สำหรับการออกแบบยังคงมาพร้อมรูปลักษณ์ของ Sport Scooter ซึ่งจะโดดเด่นด้วยตัวถังที่ได้รับการออกแบบให้มีความเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้น ใช้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED คู่ ดีไซน์ดุดัน และในส่วนของไฟท้ายได้ปรับเปลี่ยนใหม่เหมือนกันกับ ไฟเบรก ของ R-series ส่วนสมรรถนะ จะมาพร้อมกับครื่องยนต์ VVA Blue Core 155 ซี.ซี. เจเนอเรชั่นล่าสุด ให้กำลังสูงสุด 15.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.2 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT (YECVT) พร้อมกับ โหมดการขับขี่ 2 โหมด และ Turbo Y-Shift เหมือบกันกับ NMax Turbo

    8. Honda Stylo 160

    Stylo 160 พรีเมียมสกู๊ตเตอร์ดีไซน์ย้อนยุคที่เปิดตัววางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แฟนๆ ค่ายปีกนกเรียกร้องให้นำเข้ามาจำหน่ายประเทศไทย โดยตัวนั้นมีพื้นฐานมาจาก Giorno 125 ที่วางจำหน่ายในบ้านเรา โดยตัวรถจะใช้โครงเฟรมแบบ eSAF โดดเด่นไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม พร้อมด้วยระบบไฟ LED รอบคัน และไฟ DRL ตัวถังใช้เส้นสายการออกแบบที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่โดดเด่นตามแบบฉบับสกู๊ตเตอร์ดีไซน์ย้อนยุค

    ด้านขุมพลังมาพร้อมกับครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 160cc. 4 วาล์ว ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้พละกำลัง 15.3 แรงม้า  แรงบิดสูงสุด 13.8 นิวตันเมตร ส่วนของช่วงล่างรองรับด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิก ระบบกันสะเทือนหลังเดี่ยว ระบบดิสก์เบรกหน้าและหลังสำหรับรุ่นที่มี ระบบ ABS และระบบดิสก์เบรกหน้า – ดรัมเบรกหลังสำหรับรุ่น CBS พร้อมด้วย วงล้อขนาด 12 ทั้งหน้าและหลัง

    9. Royal Enfield Guerrilla 450

    Guerrilla 450 โรดสเตอร์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดได้รับการออกแบบที่โดดเด่นด้วยความดุดัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก มาพร้อมไฟหน้า LED ส่วนด้านท้ายเป็นไฟเลี้ยวและไฟท้ายในตัวเดียวกัน ส่วนของท่อไอเสียถูกออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยว สะท้อนความเป็น Roadster

    ส่วนของสมรรถนะใช้เป็น เครื่องยนต์ Sherpa 452 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 วาล์ว DOHC ให้กำลังสูงสุดที่ 40 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 40 นิวตันเมตร นอกจากนี้มีเทคโนโลยี Ride-by-Wire ด้วย Performance Mode และ Eco Mode ซึ่งู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนการตอบสนองของคันเร่งให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ได้ อีกด้วย

    10. Yamaha TMAX560 Tech Max

    ปิดท้ายด้วย TMAX560 Tech Max เวอร์ชั่นปี 2025 สปอร์ตสกู๊ตเตอร์ระไฮเอนด์มาพร้อมกับการปรับโฉมด้านหน้าใหม่ที่ดูมีมิติมากขึ้น มีความสปอร์ตมากขึ้น และเสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม สำหรับการออกแบบรุ่นล่าสุด จะมาพร้อมกับชุดไฟใหม่ โดยชุดไฟหน้าแบบคู่จะมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น และตัวถังด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ ทำให้รถรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดและสปอร์ตมากขึ้น

    ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้เป็น เครื่องยนต์ขนาด 562 ซี.ซี. สองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล และทรงพลัง โดยมีพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 46.9 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 55 นิวตันเมตร ระบบไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงล่าสุดเป็นไปตามมาตรฐาน EURO5+ นอกจากนี้ยังได้อัปเดทคลัตช์แรงเหวี่ยงที่ออกแบบใหม่ช่วยให้การเร่งความเร็วทำได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ส่วนฟีเจอร์ใช้งานมาพร้อม หน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมด้วยระบบนำทาง Garmin  ระบบครูซคอนโทรล แทร็คชันคอนโทรล ระบบ ABS ระบบคันเร่งไฟฟ้า ชิลด์ปรับไฟฟ้า และโหมดขับขี่ 2 โหมด

     ** สุดท้ายนี้ต้องขอย้ำไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ซึ่งแต่ละรุ่นที่เราได้คัดมานั้นล้วนเป็นรถที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีการวางจำหน่ายในประเทศไทยปี 2025 นี้ แต่สุดท้ายแล้วก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะมาตามตามคาดการณ์หรือไม่..! **


    ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
    Page Facebook : Car2Day
    Youtube : youtube.com/@Car2day

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts