MG ได้ทำการเปิดตัว MG MAXUS9 รถแวนหรู โดยเปิดราคาจำหน่ายสองรุ่นย่อยทั้งรุ่น X กับรุ่น V โมเดลนี้ได้นำพื้นฐานของ MAXUS MIFA 9 หรือ LDV MIFA 9 เข้ามาวางขายในไทยแล้ว ราคาจะอยู่ที่ 2.499 ล้านบาทและ 2.699 ล้านบาทตามลำดับ
ดีไซน์ภายนอก โดยโมเดลนี้ได้ทำการประทับตรา MG หรูหราด้วยการดีไซน์ออกแนวเท่เข้ากับขอบฝากระโปรง กระจังหน้าปิดทึบ พร้อมชุดไฟ LED เริ่มที่ไฟหน้า full LED adaptive headlights ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime พร้อมไฟเลี้ยวในตัว กันชนหน้าขึ้นรูปรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่สีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้า LED ทรงแนวตั้ง
พร้อมชุดตกแต่งโครเมียมที่ขอบกระจังหน้า ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 19 นิ้ว สไตล์ aerodynamic พร้อมยางแบบ Run Flat 235/55R19 มิติตัวรถมีความยาว 5,270 มม. ความกว้าง 2,000 มม. ความสูง 1,840 มม. ฐานล้อ 3,200 มม. และระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มม.
ดีไซน์ภายใน ล้ำอนาคตกับแผงคอนโซลแบบ Double Layer หน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส 12.3 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมลำโพง 12 จุด พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดดิจิตอล 7 นิ้ว เบาะนั่งหรู 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่สองในรุ่น V แบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats)
ระบบนวดเบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง โดยเบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางและฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light อย่างอบอุ่นถึง 64 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติเป็นกล้องมองด้านหลังผ่านจอที่กระจกได้ แบบ Streaming Media Rearview Mirror ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมิติ แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย
ขุมพลังไฟฟ้า สำหรับสเปกไทยติดตั้งความจุแบตเตอรี่ 90 Kwh ให้แรงม้าสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 540 กม. (NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง โหมด Normal, Eco และ Sport มีทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW ชาร์จ 5-100 % ในเวลา 8.30 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% ในเวลา 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย มาพร้อมระบบโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION บนพื้นฐานช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
ติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ ได้แก่
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
- เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
MG MAXUS 9 มีสองรุ่นย่อยทั้งรุ่น X – LUXURY และรุ่น V – SUPER LUXURY โดยรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่
- สีขาว (Pearl White)
- สีดำ (Black Knight)
ในรุ่น V มีให้เลือก 3 สี ได้แก่
- สีขาว (Pearl White)
- สีดำ (Black Knight)
- สีเทาหลังคาดำ Granite Grey / Black Top
โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น X ราคา 2,499,000 บาท
- รุ่น V ราคา 2,699,000 บาท
ราคาตารางผ่อน – ดาวน์ 2023 MG MAXUS 9