ตารางผ่อน MG 3 Hybrid + ปี 2024-2025 วางจำหน่ายพร้อมกัน 2 รุ่น โดยราคาปกติเริ่มต้นที่ 579,900 – 619,900 บาท
ราคาอย่างเป็นทางการ MG3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 – 2025
- รุ่น D ราคาพิเศษ 559,900 บาท (ปกติ 579,900 บาท)
- รุ่น X ราคาพิเศษ 599,900 บาท (ปกติ 619,900 บาท)
* ราคาพิเศษเป็นราคาเฉพาะ 1,000 คันแรกเท่านั้น
ดีไซน์ภายนอก Extrior
- แรงบันดาลใจจาก MG4 Electric ด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะแบบ Digital Burning Grille
- ไฟหน้า LED ทรงเรียวเพรียวสปอร์ตพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- โลโก้ MG อยู่ตรงชุดกระจังหน้าแบบทึบ
- ชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าทรงกลม
- ดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงตามยุคสมัย
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
- ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน
- ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED
- กันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อมสปอยเลอร์หลัง
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายห้าก้านทูโทนพร้อมยาง 195/55R16 พร้อม
- มิติตัวรถ ความยาว 4,113 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,797 มิลลิเมตร ความสูง 1,502 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,208-1,308 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร
ดีไซน์ภายใน Intrior
- เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำขาว
- เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะหลังพับได้แบบ 100% พร้อมที่พักแขนด้านหน้า
- สามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร
- พื้นที่สัมภาระมากถึง 293 ลิตรในตอนไม่พับเบาะ
- ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร 25 จุด
- แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ไฮเทค
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันยกมาจาก MG4 Electric
- ติดตั้งจอคู่ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 7 นิ้ว Digital Multi – Function Display
- จอสัมผัสขนาดใหญ่รองรับเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ขนาด 10.25 นิ้ว
- ช่องเสียบ USB
- ลำโพง 6 จุด
- ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง
- สวิตช์การทำงานที่จำเป็น
- ช่องแอร์ดีไซน์หรู
- เกียร์อัตโนมัติแบบปุ่มหมุน Shift By Wire
- เบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key)
- ปุ่ม Push Start
สมรรถนะและขุมพลัง Performance
- เบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid Atkinson-cycle รหัส 15S4C กำลังสูงถึง 102 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 128 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถเร่งได้อย่างราบรื่นให้กำลังถึง 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดรวม 250 นิวตันเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8 วินาที ประหยัดสุด 26.2 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมัน E20 คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Hybrid Transmission ที่มี 3 อัตราทด ปรับทำงานอัตโนมัติช่วยให้เครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดมอเตอร์มีช่วงการทำงานที่กว้างมากขึ้น พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้ 3 โหมด Eco, Normal และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 80 กิโลเมตร และขับได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร บนเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ระยะทางรวม 970 กิโลเมตร
- โหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ 8 โหมดขับเคลื่อน ที่รวมทุกระบบไฮบริดไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ระบบขับเคลื่อนแบบผสานเครื่องยนต์ และมอเตอร์ (Parallel Hybrid) หรือแม้แต่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (Pure EV) โดยสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างราบรื่นและเหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงความเร็ว พร้อมระบบ Energy Regeneration 3 ระดับ หรือ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย ซึ่งผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระดับการรีเจนได้แบบรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด
เทคโนโลยีและความปลอดภัย Safety
มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมความปลอดภัยอัจฉริยะ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวย ความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
- เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
- เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
- ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
- เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- ล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
- กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
ตัวเลือกสี MG3 Hybrid+
ในรุ่น D
- สีฟ้า St.Moritz Blue
- สีแดง Scarlet Red
- สีเหลือง Pastel Yellow
- สีเทา Metal Ash Grey
- สีดำ Black Knight
- สีขาว Arctic White
ในรุ่น X
- สีแดง SCARLET RED
- สีขาว ARCTIC WHITE
- สีเทา METAL ASH GREY
- สีดำ BLACK KNIGHT
ตารางผ่อน MG 3 Hybrid + ทุกรุ่น (ราคาปกติ)
บทความที่เกี่ยวข้อง
MG3 Hybrid+ เก๋งฟูลไฮบริดวิ่งไกล 970 กม. 559,900-599,900 บาท
ที่มา
MGThailand