More

    รีวิว Honda XL750 Transalp คันเดียวจบครบทุกออฟชั่น ไปทุกเส้นทาง!

    ในครั้งนี้ Car2Day ได้เข้าร่วมทดสอบการขับขี่ 2023 Honda XL750 Transalp ที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ทุกการเดินทางไม่ว่าจะเป็นออนโรดและออฟโรด ฟีลลิ่งการขับขี่จากที่ได้ลองมาบอกตรงนี้ก่อนว่าเป็นรถที่ขี่สนุก และมีออฟชั่นครบแต่ไม่ล้น!!

    Honda XL750 Transalpe

    2023 Honda XL750 Transalp (ทรานซ์แอลป์) เปิดตัวในไทยครั้งแรกที่งาน Motor Show 2023 ได้ถูกจัดวางไว้ในคลาส 750 Series และสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ทุกการเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ หรือทางฝุ่น โดยสืบทอด DNA มาจาก Honda XL600V Transalp ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1986 แน่นอนว่า XL750 Transalp ได้สานต่อความเป็นแอดเวนเจอร์ที่ไปทุกเส้นทางได้อย่างครบถ้วน แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามา เพื่อเติมเต็มสมรรถนะ ความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์นักขับขี่ที่ชื่นชอบการเดินทางและผจญภัย

    • ดีไซน์-มิติตัวรถ

    • Engine

    • Suspension & Brake

    • On Road – Off Road เป็นยังไง?

    • ฟังก์ชั่นเด่นของ XL750 Transalp

    • Honda XL750 Transalp ราคาเริ่มต้น 389,000 บาท คุ้มไหม?

    ดีไซน์-มิติตัวรถ

    การออกแบบภายนอกจะเห็นว่า XL750 Transalp โคมไฟใช้ดีไซน์ไฟหน้าร่วมกับ CB750 Hornet และ CB500X จึงอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน โดยระบบไฟเป็น LED เต็มระบบรอบคันทั้งไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว ด้านมิติตัวรถมีความชัดเจนในแบบฉบับของแอดเวนเจอร์ พาร์ทชิ้นส่วนทำออกมาได้แข็งแรง ส่วนของลวดลายสี ขาว แดง และ น้ำเงิน ให้กลิ่นอายแบบวินเทจนิดๆ และให้ความลงตัวมากๆ ด้วยวงล้อซี่ลวดสีทอง

    Honda XL750 Transalpe

    ด้านขนาดมิติตัวรถอยู่ที่ 2,325 x 838 x 1,450 (ยาว x กว้าง x สูง (มม.)) ความสูงเบาะ 850 มม. ระยะฐานล้อ 1,560 มม. ระยะห่างจากพื้น 210 มม. น้ำหนักตัวพร้อมใช้งาน 208 กก. 

    Engine

    Honda XL750 Transalp มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 755cc. 2 สูบเรียง OHC 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังสูงสุด 90.5 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 75 Nm ที่ 7,250 รอบ/นาที ส่งกำลังเกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ ความจุถังน้ำมัน 16.9 ลิตร

    Honda XL750 Transalpe

    Suspension & Brake

    ถัดมาในส่วนของช่วงล่าง โช้คอัพหัวกลับ Showa SFF-CA ขนาด 43 มม. ระยะยุบ 200 มม. โช้คอัพหลังเดี่ยวโปรลิงค์ของ Showa ระยะยุบ 190 มม. ปรับระดับพรีโหลดได้ ส่วนระบบเบรกด้านหน้าดิสเบรกคู่ ขนาด 310 มม. ที่ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบ 2 พอต ส่วนด้านหลังเป็นดิสเบรกเดี่ยวขนาด 256 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์แบบ 1 พอต พร้อมด้วยชุดล้อแบบซี่ลวดด้านหน้า 21 นิ้ว และด้านหลัง 18 นิ้ว

    Honda XL750 Transalpe

    On Road – Off Road เป็นยังไง?

    สำหรับการทดสอบการขับขี่ Honda XL750 Transalp สิ่งแรกที่สัมผัสได้เลยคือ ความคล่องตัว แม้ภายนอกจะดูสูงใหญ่ แต่เมื่อได้ขึ้นไปอยู่บนเบาะแล้วกลับให้ความรู้สึกว่าตัวรถมีความปราดเปรียว สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ตำแหน่งแฮนด์ และจุดวางเท้าอยู่ในจุดที่สามารถขับขี่ได้ทั้งในท่านั่งปกติ หรือจะยืนขับขี่ในเส้นทางออฟโรด ก็ยังสามารถหนีบขากระชับเข้ากับตัวรถเพื่อการควบคุมที่มั่นคงได้อย่างมั่นใจ ส่วนความสูงเบาะ 850 มม. กับน้ำหนักของตัวรถ 208 กก. ถือว่าไม่เยอะเกินไปสำหรับรถสไตล์นี้ หากเป็นมาตรฐานไซส์คนเอเชียยังสามารถขับขี่ได้อย่างไร้กังวล

    Honda XL750 Transalpe

    Honda XL750 Transalpe

    ด้านขุมพลังขนาด 755cc. 2 สูบเรียง เกียร์ 6 สปีด พละกำลังสูงสุด 90.5 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 75 Nm ที่ 7,250 รอบ/นาที  ความแรงคงไม่ต้องพูดถึงเพราะอย่างที่รู้กันว่าพิกัดนี้มีให้ใช้แบบเหลือๆ ด้านคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์บล็อคนี้จะให้ฟีลลิ่งที่จัดจ้านใน รอบต้น และรอบกลาง ส่วนรอบปลาย ความเร็วจะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปอย่างนุ่มนวล ส่วนคันเร่งไฟฟ้า ตอบสนองได้ละเอียด และรวดเร็วมากๆ เมื่อมารวมกันแล้วในจุดนี้ทางฮอนด้าทำออกมาตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวทั้งการขับขี่แบบทัวร์ริ่ง และการขับขี่แบบแอดเวนเจอร์

    โหมดการขับขี่ทั้ง 5 โหมด แบ่งออกเป็นตามนี้คือ 

    1. Standard ใช้สำหรับการขับขี่ใช้งานทั่วไป ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวล 
    2. Rain ใช้งานเมื่อต้องเจอกับสภาพฝนตก หรือถนนเปียก โดยระบบเสริมความปลอดภัยอยู่ในระดับสูงสุด แต่ให้พละกำลังน้อยที่สุด
    3. Gravel โหมดสำหรับการขับขี่ออฟโรด ที่ยังมีระบบความปลอดภัยไว้ระดับนึงให้ผู้ขับขี่ได้สนุกกับเส้นทาง แต่ยังต้องการความปลอดภัย
    4. Sport โหมดที่พละกำลัง และแรงบิด ทำงานเต็มระบบ ตอบสนองอัตราเร่ง และความเร็วได้อย่างฉับไว 
    5. User โหมดที่ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าได้เองโดยอิสระ ซึ่งสามารถตั้งค่า Power (P), Engine Brake (EB),  ABS 2 ระดับ และสามารถสั่งปิด ABS หลังได้ในโหมด, Traction control (T)  5 ระดับ 

    Honda XL750 Transalpe

    โหมดการขับขี่ขอยกให้เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ XL750 Transalp ที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจ จากที่ลองขับขี่บนเส้นทางทดสอบแล้วบอกเลยว่าได้ลองใช้ครบทุกโหมด ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้อย่างอิสระ และตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ และในระบบเสริมความปลอดภัยอย่าง Traction control ที่สามารถปรับระดับได้ ตอบสนองอย่างฉับไว และสัมผัสได้ถึงการทำงานระบบ แต่ในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดหากชอบอาการท้ายสไลด์ หรือให้ตัวรถออกอากรเยอะๆ แนะนำว่าให้ใช้โหมด User และปิดระบบความปลอดภัยทั้งหมดรับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับความมันส์ ส่วนโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบถ้าเราเลือกใช้ได้ตรงกับสภาพการขับขี่ บอกเลยว่าคุณจะสนุกกับทุกเส้นทางได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน

    Honda XL750 Transalpe

    สำหรับระบบป้องกันการสั่นสะเทือนเราใช้เซ็ตติ้งเดิมจากโรงงาน การขับขี่ในช่วงทางดำทำอย่างน่าประทับใจ โช้คอัพหัวกลับ Showa SFF-CA ขนาด 43 มม.  และโช้คอัพหลังเดี่ยวโปรลิงค์ของ Showa ให้การทรงตัวที่มั่นคงทั้งในความเร็วต่ำ และความเร็วสูง ตัวรถมีความนิ่งหนึบเกาะติดถนน ส่วนการกับขี่ในเส้นทางแอดเวนเจอร์ในโช้คอัพด้านหน้าและหลัง ซับแรงได้อย่างนุ่มนวล อยู่มือ และมั่นคง แต่อาจรู้สึกกระแทกบ้างเล็กน้อยแต่ไม่เสียการควบคุมเมื่อขับขี่ผ่านหลุมบ่อด้วยความเร็ว ถ้าอยากให้เฟิร์มกว่านี้คงต้องมีปรับเซ็ตกันบ้าง ด้านระบบเบรกด้านหน้าดิสเบรกคู่ ด้านหลังเป็นดิสเบรกเดี่ยว ทำงานร่วมกับระบบ ABS แบบ Dual Channel เพียงพอและตอบโจทย์การใช้งาน สามารถหยุด-ชะลอความเร็วได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

    ฟังก์ชั่นเด่นของ XL750 Transalp

    1. โหมดการขับขี่ทั้ง 5 โหมด Standard, Rain, Gravel, Sport และ User
    2. ระบบไฟ LED รอบคัน
    3. ระบบ Emergency Stop Signal. (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติจะทำงานทันที เมื่อมีการเบรกกะทันหัน 
    4. หน้าจอแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน
    5. ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Honda Smartphonce Voice Control System (HSVCs)

    Honda XL750 Transalpe

    Honda XL750 Transalp ราคาเริ่มต้น 389,000 บาท คุ้มไหม?

    สรุปหลังจากที่ได้ลองขับขี่มา บอกได้ว่า Honda XL750 Transalp เป็นรถที่ขับขี่สนุก ควบคุมง่าย มีครบเครื่องทุกรส ออฟชั่นที่ให้มาเพียงพอกับการใช้งาน และสามารถตอบโจทย์การขับขี่ทุกสถานการณ์ หากใครกำลังคิดอยากจะอัพ ซีซี. หรือกำลังมองหารถที่สามารถขับขี่ได้ทั้งออนโรด และออฟโรด XL750 กับราคาเริ่มต้น 389,000 บาท เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ล้นทั้งออฟชั่น และราคา บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาไม่มีผิดหวังแน่นอน

    สำหรับสำหรับผู้ที่สนใจ Honda XL750 Transalp มีให้เลือก 2 สีหลักคือ รุ่นสี Matte Ballistic Black (ล้อดำ) มีราคาอยู่ที่ 389,000 บาท และ รุ่นสี Ross White (ล้อทอง) มีราคาอยู่ที่ 394,000 บาท สามารถชมคันจริง และทดลองขับขี่ได้ที่ Honda BigBike ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ hondabigbike

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts