ในครั้งนี้เราจะมารีวิว 2024 Honda CBR1000RR-R Fireblade SP ซูเปอร์ไบค์คลาส 1,000 ซี.ซี. ที่ได้รับการพัฒนาใหม่หมดทั้งคัน และจากที่ได้สัมผัสมาบอกเลยว่า ขี่สนุกว่าเดิม และขี่ง่ายขึ้น
2024 Honda CBR1000RR-R SP เรียกได้ว่าเป็นอีกหนุ่งรุ่นซูเปอร์ไบค์เรือธงคลาส 1,000 ซี.ซี. ที่ได้นำเทคโนโลยีจากสนามแข่งจาก RC213V-S ซูเปอร์สปอร์ตที่ใช้ในรายการแข่งขันมาอยู่ในบิ๊กไบค์ตัวพันที่สามารถใช้ขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายบนท้องถนน ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปที่งาน ThaiGP 2024 ซึ่งจากรูปโฉมภายนอกนั้นดูเหมือนว่าจะมีปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่ไส้ในของมันบอกเลยว่าปรับใหม่อีกเพียบ !
สำหรับด้านการออกแบบ CBR1000RR-R SP ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘BORN TO RACE’ ให้ความดุดันและโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิมด้วยแฟริ่งดีไซน์ใหม่รอบคัน พร้อมปรับองศาท่านั่งใหม่ให้การขับขี่ที่ดีเยี่ยมสะท้อนคาแรกเตอร์แบบสปอร์ตเรซซิ่ง นอกจากนี้ยังมี ปีกข้างดีไซน์ใหม่ถอดแบบเทคโนโลยีมาจาก RC213V-S เพิ่มประสิทธิภาพเรื่องแรงกด ลดการยกตัวของล้อหน้าเมื่ออกตัวด้วยความเร็วสูง พร้อมด้วย Wind Protection ดีไซน์ใหม่ สะท้อนความเป็น Racing Replica ช่วยลดการปะทะแรงลม ลดการส่าย ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังตอบสนองทุกความเร็วด้วยเบาะนั่งที่ออกแบบใหม่สามารถหมอบได้ต่ำกว่าเดิม พร้อบปรับองศา Handlebar และที่วางเท้าใหม่เพื่อท่านั่งที่ Racing มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของขุมพลังภายในได้รับการปรับแต่งใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น เรือนเครื่องยนต์ ก้านสูบ ลูกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ชุดเกียร์ และระบบคันเร่งไฟฟ้า 2 Motor Throttle by Wire (TBW) โดยแยกมอเตอร์ออกเป็น 2 ตัว ใช้ในการควบคุมการทำงานของกระบอกสูบออกจากกัน ช่วยในการควบคุมแม่นยำยิ่งขึ้น แน่นอนว่านี่เป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่งส่งตรงสู่ซูเปอร์ไบค์ที่ขี่ใช้งานได้บนถนนจริง
สำหรับสเปคเครื่องยนต์ CBR1000RR-R SP ใช้เป็นเครื่องยนต์แบบสี่สูบเรียง ขนาด 999 ซี.ซี. DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดเทคโนโลยี PGM-Fi ให้พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 214 แรงม้าที่ 14,000 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 113 นิวตันเมตรที่ 12,000 รอบต่อนาที แต่น่าเสียดายที่สเปคจำหน่ายในประเทศไทยถูกตอนพละกำลังเหลือเพียง 162 ม้า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานไอเสีย EURO5 แต่อย่างไรก็ตามกล่อง ECU นั้นสามารถปรับให้พละกำลังแรงม้าเพิ่มเป็น 214 แรงม้าได้อยู่เช่นกัน แต่ขอบอกไว้เลยว่าเดิมๆ ที่ 162 แรงม้า ก็ถือว่าแรงมากพออยู่แล้ว
ส่วนไฮลท์อัพเดทใหม่ของเครื่องยนต์อยู่ที่เรือนลิ้นเร่งใหม่มอเตอร์คู่ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถ โดยแยกการทำงานระหว่างสูบ #1 #2 – #3 #4 และมี TP Sensor 2 ตัว ในการตรวจจับองศา เปิด-ปิด ของวาล์วปีกผีเสื้อ ซึ่งเมื่อผู้ขับขี่เปิดคันเร่งเล็กน้อย วาล์วปีกผีเสื้อสำหรับกระบอกสูบ (สูบ 3,4) จะเปิดก่อนเพื่อปรับแต่งกำลังอย่างราบรื่น และบังสร้างความผันผวนในการหมุนข้อเหวี่ยงอีกด้วย
ในส่วนของตัวถังใช้เป็นเฟรมทรงไดมอนด์ที่มีน้ำหนักเบาลง 1,100 กรัม เชื่อมต่อระบบกันสะเทือนโช้คอัพหน้าหัวกลับ Ohlins NPX Smart-EC3.0 (สปูลวาล์ว) ขนาด 43 มม. และโช้คอัพหลัง Ohlins TTX36 Smart-EC3.0 (สปูลวาล์ว) ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดการเกิดฟองอากาศภายในแดมเปอร์ให้เหลือน้อยที่สุดด้วยระบบกันสะเทือนแบบแรงดันเพื่อให้ความมั่นคง และดูดซับแรงกระแทกได้ททั้งบนถนน และสนามแข่ง ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์หน้าคู่ขนาด 330 มม. ให้ประสิทธิภาพในการหยุดชะลอด้วยคาลิปเปอร์ Brembo Stylema R ส่วนด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรก พร้อมติดตั้ง คาลิปเปอร์ Brembo มาให้เช่นกัน นอกจากนี้ยังวงล้อทำจากอะลูมิเนียม GDC ดีไซน์รูป Y 5 ซี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษที่ให้ความแข็งแรง
สำหรับฟีเจอร์ใช้งานเรียกได้ว่าครบเครื่องสุดๆ มาพร้อมหน้าจอสี TFT Full Color ขนาด 5 นิ้ว พร้อมแสดงข้อมูล และปรับตั่งค่าต่างๆ เกี่ยวกับการขับขี่ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ว่าจะเป็น โหมดขับขี่ 4 โหมด คือ Race (Mode 1) Track (Mode 2) Standard (Mode 3) และ User ซึ่ง ใน 3 โหมดแรกระบบอิเล็กทรอนิกส์จะจัดการตั้งค่าระบบความปลอดภัย มาให้ตามความเหมาะสม
ส่วนของโหมด User ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างตามความเหมาะสมของตัวเองไม่ว่าจะเป็น
- การควบคุมกำลังเครื่องยนต์ผ่าน Power Mode หรือ P ซึ่งจะมีให้เลือก 5 ระดับตั้งแต่ P1 (High) – P5 ( Low )
- Engine Brake Mode หรือโหมด EB ซึ่งสามารถปรับตั้งค่าได้ 3 ระดับ คือ EB1 EB2 และ EB3 โดยในส่วนของ EB1 และ EB2 การควบคุมคันเร่งไฟฟ้าด้วยมอเตอร์คู่จะสร้างเอนจิ้นเบรกที่มีแรงดึงในการชะลอความเร็วได้มากกว่า
- HSTC (Honda Selectable Torque Control) หรือ T เลือกได้ 9 ระดับ และปิดระบบได้
- Wheelie Control หรือ W เลือกได้ 3 ระดับ ปิดระบบได้
นอกจากนี้ที่เป็นไฮลท์ของ CBR1000RR-R SP ก็คือ โช้คอัพไฟฟ้าที่ระบบจะปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้จากการใส่น้ำหนักตัวผู้ขับขี่ และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ขาดไม่ได้คือ ระบบ ABS ที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 3 รูปแบบ คือ โหมด Race Track และ Standard
สำหรับฟีลลิ่งการขับขี่ ในครั้งนี้เป็นการขับขี่แบบ Endurance ที่สนามช้าง ในสัมผัสแรกเมื่อได้คร่อมอยู่ที่ตัวรถแล้วให้ความรู้สึกท่านั่งขับขี่ที่กระชับกว่ารุ่นเก่าเพราะตัวถังถูกออกแบบให้มีขนาดที่เล็กลง ตำแหน่งแฮนด์ถูกปรับใหม่ให้สูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ถือว่าให้พละกำลังของซูไบค์คลาส 1,000 ได้อย่างครบถ้วนแม้ว่าจะถูกตอนมาเหลือ 162 แรงม้า แต่ก็ยังให้คาแรคเตอร์รถแข่งได้อย่างสมบรูณ์ความแรงเรียกได้ว่ามาเต็มๆ ยิ่งถ้าปิดระบบช่วยเหลือการขับขี่ด้วยแล้วหวดคันเร่งเต็มข้อก็ทำเอาเหวออยู่ไม่น้อย และที่สำคัญเรือนลิ้นเร่งใหม่มอเตอร์คู่ยังให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ สมูทขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้ง หรือออกโค้ง CBR1000RR-R SP โฉมใหม่สามารถทำได้อย่างเรียบเนียน และเมื่อรวมเข้ากับระบบ Quick Shifter แบบ Up-Down ด้วยทำให้สามารถเพิ่ม-ลด เกียร์ได้อย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวล
ด้านระบบเบรกจัดว่าตอบสนองอย่างแม่นยำ สามารถสั่งหยุดรถ และชะลอ ก่อนถึงโค้งได้ตรงตามความต้องการ ส่วนของระบบกันสะเทือนใหม่ซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี และให้ความเฟิร์มแบบสปอร์ตเต็มพิกัด ทำให้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือไหลเข้าโค้งได้อย่างมั่นคง
สุดท้ายนี้บอกเลยว่าใครที่กำลังมองสปอร์ตตัวคลาส 1000 เจ้า CBR1000RR-R SP ก็เป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะมันได้ถูกอัปเกรดมาให้ควบคุมได้ง่ายขึ้น มีความสมูทมากขึ้น ซึ่งมันเหมาะทั้งนักแข่งมืออาชีพ และมือสมัครเล่นที่อยากลงแข่งขันเพื่อความสนุก ที่สำคัญเทคโนโลยีที่ให้มาจัดว่าคุ้มค่ากับราคา 1,134,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day