Yamaha MT-09 ไฮเปอร์เน็กเก็ตตัวตึง ทอร์กโหด ลองขี่เต็มๆ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ จะเป็นอย่างไรมาดูกันได้เลย
2024 Yamaha MT-09 และ MT-09 SP ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมา และเมื่อไม่นานนี้เราได้มีโอกาสร่วมทดสอบการขับขี่ Yamaha MT-09 และ MT-09 SP ซึ่งเป็นการทดสอบขับขี่ครั้งแรกของโลกที่จัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรมาดูกันได้เลย
• ดีไซน์ภายนอก
• ขุมพลัง CP3 พละกำลังมหาศาล
• ช่วงล่างความแตกต่างของ MT-09 และ MT-09 SP
• จัดเต็มฟีเจอร์ใช้งาน
• MT-09 และ MT-09 SP ทอร์กโหด ขี่มันส์!
• สรุป MT-09 และ MT-09 SP
ดีไซน์ภายนอก
ด้านการออกแบบ MT-09 และ MT-09 SP ยังคงไว้คอนเซ็ปต์ของไฮเปอร์เน็กเก็ต ทั้ง 2 รุ่น จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกันโดยด้านหน้าจะเป็นไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบสองดวงตรงกลาง ใกล้ๆ กันด้านล่างเป็นชุดไฟ Daytime Running Light ถูกวางในแนวนอนสองดวง ถัดมาเป็นในส่วนของดีไซน์ตัวถังถูกออกแบบให้เน้นความเป็นเหลี่ยมสันที่ดูเฉียบคม เมื่อดูภาพรวมแล้วจะเห็นว่าตัวรถมีความกระชับมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้เบาะนั่งใหม่เป็นแบบแยกส่วนระหว่างผู้ขับขี่ และคนซ้อนทำให้มีความเพรียวบางกว่าเดิม
ขุมพลัง CP3 พละกำลังมหาศาล
MT-09 และ MT-09 SP ใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์ CP3 ขนาด 890 ซี.ซี. แบบ 3 สูบเรียง DOHC 4 วาร์ลต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมติดตั้ง Quick Shifter แบบสองทิศทางช่วยให้เพิ่ม-ลดเกียร์ ได้อย่างต่อเนื่อง
ช่วงล่างความแตกต่างของ MT-09 และ MT-09 SP
ช่วงล่างคือหนึ่งจุดในความแตกต่างระหว่าง MT-09 และ MT-09 SP โดยรุ่น Standard มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนโช้คอัพด้านหน้า จาก KYB ขนาด 41 มม. และโช้คอัพหลังเดี่ยว ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกขนาด 298 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ Advics และดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม. กับคาลิปเปอร์จาก Nissin ที่ด้านหลัง ส่วน MT-09 SP จะมาพร้อมกับกระบอกโช้คอัพสีทองจาก KYB สามารถปรับตั้งค่าได้เต็มระบบ และด้านหลังติดตั้งโช้คอัพ Ohlins มาให้พร้อมติดตั้งระบบเบรกคาลิปเปอร์ Brembo Stylema ที่ด้านหน้า และคาลิปเปอร์จาก Nissin ที่ด้านหลัง
จัดเต็มฟีเจอร์ใช้งาน
MT-09 และ MT-09 SP มาพร้อมกับโหมด 3 โหมดมาตรฐานคือ Rain , Street และ Sport สามารถปรับตั้งค่าตามสไตล์ของตัวได้ด้วยโหมด Custom 1 และ Custom 2 นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้า, หน่วยประมวลผล IMU แบบ 6 แกน , ระบบเบรก ABS , ระบบแทร็คชันคอนโทรล , ระบบครูซคอนโทรล , ระบบควบคุมการสไลด์ , ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ , ระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ , เรือนไมล์สี TFT ขนาด 5 นิ้ว และสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Yamaha Y-Connect
MT-09 และ MT-09 SP ทอร์กโหด ขี่มันส์!
มาดูฟีลลิ่งการขับขี่กันบ้าง ก่อนอื่นเลยขอเริ่มที่ในส่วนของท่านั่งขับขี่ MT-09 และ MT-09 SP สิ่งแรกพบคือตัวรถได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งท่าใหม่ซึ่งมีความกระชับมาขึ้นกว่าเดิม ส่วนของถังน้ำมันที่มีความเป็นเหลี่ยมสัน ทำให้รถดูมีบึกบึน แต่เมื่อได้ลองคร่อมดูแล้วรู้สึกได้ว่าตัวถังถูกออกแบบให้มีช่วงที่เพรียวบาง และเบาะนั่งใหม่ที่แคบลง และมีส่วนเว้ารับเข้ากับตัวถังน้ำมันแบบเดียวกันรถสปอร์ต ทำมีท่านั่งขับขี่ที่สบาย และสามารถเอาขาหนีบถังได้อย่างกระชับแลมีความเป็นสปอร์ตลงตัวมากกว่าเดิม นอกจากนี้ความสูงของเบาะที่ 825 มม. การเหยียบเท้าลงเต็มพื้นทั้งสองข้างไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่สูงประมาณ 169 ซม. แต่หากใครที่ตัวเล็กกว่านี้ก็ยังสามารถเขยิบวางเต็มเท้าหนึ่งข้างก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ เพราะตัวรถมีน้ำหนักที่เบามากๆ โดยรุ่น Standard มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 193 กก. และ รุ่น SP มีน้ำหนัก 194 กก.
ด้านขุมพลังแน่นอนว่าเครื่องยนต์ CP3 ขนาด 890 ซี.ซี. พละกำลัง 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร มีให้ใช้งานได้แบบเหลือๆ เมื่อรวมเข้ากับระบบคันเร่งไฟฟ้าที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ บวกกับน้ำหนักตัวรถที่เบา หากตอกคันเร่งแรงๆ ถ้าไม่ได้เปิดระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ กับแทร็คชันคอนโทรล ล้อหน้าพร้อมที่ลอยได้ตลอดเวลา ซึ่งในจุดนี้บอกเลยว่าใครที่เป็นสายกถูกใจแน่นอน ! ส่วนการทำความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับไฮเปอร์เน็กเก็ตทั้งสองรุ่น แต่เมื่อใช้ความเร็วมากกว่า 200 กม./ชม. หรือเมื่อเปิดคันเร่งแรงๆ จะมีอาการหน้าส่าย ในจุดนี้แนะนำว่าให้หากันสะบัดมาใส่รับรองว่าจะขี่สนุกกว่าเดิม!
ต่อกันด้วยช่วงล่างซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างหลักๆ ระหว่าง MT-09 และ MT-09 SP จากที่ได้สัมผัสมาขอสรุปไว้ตรงนี้เลยว่าให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างกันมากๆ เมื่อได้ลองรุ่น SP ที่มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าสีทองจาก KYB และโช้คอัพหลัง Ohlins สัมผัสได้เลยว่ามีช่วงล่างที่เฟิร์ม นิ่งหนึบ สามารถทำความเร็วในโค้ง และออกโค้งได้ดีกว่า ขณะที่รุ่น Standard ตัวรถจะมีความนิ่งน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนน้ำหนักตัวที่เบาทั้งสองรุ่นสามารถพลิกเลี้ยว พับเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัว ระบบเบรก Brembo Stylema ด้านหน้าและหลัง Nissin เมื่อขับขี่ในความเร็วสูงต้องเผื่อระยะในการเบรกที่น้อยกว่ารุ่น Standard อย่างไรก็ตามแม้ว่าสเปคช่วงล่างของตั Standard จะทำได้ไม่เทียบเท่ากับรุ่น SP หากนำมาใช้เพื่อขับขี่ในชีวิตประจำวันแล้วก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป
ส่วนฟีลลิ่งของโหมดการขับขี่ 3 โหมดมาตรฐานคือ Rain , Street และ Sport ให้คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันชัดเจนโดยส่วนของโหมด Rain ระบบความปลอดภัยจะอยู่ระดับสูงสุด และพละกำลังให้น้อยที่สุด โหมด Street โหมดที่เน้นการขับขี่ใช้งานทั่วไปหรือขับขี่ภายในเมือง โดยมีระบบความปลอดภัยช่วยเหลือประมาณนึง และสุดท้ายโหมด Sport โหมดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรง ในโหมดนี้ระบบความปลอดภัยจะทำงานอยู่ในระดับต่ำที่สุด ซึ่งหากคุณเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องก็สามารถสัมผัสความสนุก ความมันส์ ความแรง ได้ทุกสภาพการขับขี่
สรุป MT-09 และ MT-09 SP
จากที่ได้ลองมาทั้งสองรุ่นใน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สรุปได้ว่าทั้งสองรุ่นมีดีไซน์ที่ดุดัน แบบสตรีทไบค์ และถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานภายในเมืองเป็นหลัก แม้ว่าเราจะไม่ลองขับขี่ภายในเมืองก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ว่าตัวรถมีความคล่องตัวที่สูง บวกกับน้ำหนักตัวรถที่ไม่ถึง 195 กก. ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักที่เบามากๆ ไม่เหนื่อยไปกับการประคองน้ำหนักตัวรถ หากต้องเจอช่วงการจราจรที่หนาแน่น หรือต้อง ซอกแซ่กผ่านช่องทางเดินรถมั่นใจได้ว่าทำได้อย่างสบายๆ ส่วนพละกำลังก็มีให้ใช้แบบเหลือๆ อยู่แล้วกับขุมพลังขนาด 890 ซี.ซี. และที่สำคัญคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น คือ ความจัดจ้านในด้านแรงบิดในรอบต้น และ รอบกลาง ซึ่งสามารถทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ และหากต้องเลือกสักคันหนึ่งขอแนะนำว่าถ้าคุณเป็นสายซิ่ง หรือสายสนาม แนะนำว่าให้เลือกรุ่น SP แต่ถ้าหากเน้นขับขี่ใช้งานทั่วไป หรือเดินทางท่องเที่ยว รุ่น Standard สเปคที่ให้มาก็ถือว่าสมราคาและเพียงพอกับการใช้งานแล้ว
สุดท้ายนี้หากใครกำลังมองหาบิ๊กไบค์สักคัน ที่สามารถขับขี่ใช้งานได้ในทุกวัน MT-09 และ MT-09 SP ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เราแนะนำ และมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีผิดหวัง โดย MT-09 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ ที่ 447,000 บาท ส่วน MT-09 SP มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 489,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถไปลองขับขี่ และชมคันจริงได้ Yamaha Riders’ club ทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day