Yamaha MT-09 Y-AMT ไฮเปอร์เน็กเกตอัพใหม่ มาพร้อมระบบชุดเกียร์ใหม่ ที่เข้ามาเปิดประสบการณ์การขับขี่บิ๊กไบค์ ที่ง่ายกว่าเดิม และสนุกมากขึ้น
เมื่อไม่กี่วันมานี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้เปิดตัว Yamaha MT-09 ที่มาพร้อมระบบชุดเกียร์ใหม่ Y-AMT (Yamaha Automated Manual Transmission) ซึ่งเราก็มีโอกาสได้ทดลองขับขี่ระบบนี้กันเป็นที่เรียบแล้ว และสามารถบอกได้เลยว่าเป็นระบบที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และที่สำคัญเมื่อมันมาอยู่บน มาสเตอร์ ออฟทอล์ค อย่าง MT-09 แล้วทำให้ขับขี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น และบิดมันส์กว่าเดิม !
-
Master of Torque
-
โหมด MT
-
โหมด AT
-
ขี่จริงเป็นอย่างไร?
-
MT-09 Y-AMT เหมาะกับใคร
-
ราคาจำหน่าย และการวางจำหน่าย
Master of Torque
สำหรับการอัพเดตในครั้งนี้ MT-09 ยังคงไว้ด้วยดีไซน์แบบเดิมเหมือนกับรุ่น Standard แต่ในที่เปลี่ยนไป คือ จะไม่มีมือคลัทช์ และคันเกียร์มาให้ ส่วนสมรรถนะเครื่องยนต์ยังคงประสิทธิภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านข้อมูลตัวเลข โดยยังคงใช้เป็นเครื่อยนต์ CP3 ขนาด 890 ซี.ซี. แบบ 3 สูบเรียง DOHC 4 วาร์ลต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบชุดเกียร์ใหม่ 6 สปีด ที่สามารถเลือกขับขี่ได้สองรูปแบบคือ Manual และ AT โดยข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดจะแสดงผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว
โหมด MT
จากที่ได้สัมผัสมาในครั้งแรกอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ทำความเข้าใจกับระบบเกียร์ใหม่แล้วถือว่าใช้งานง่ายไม่มีอะไรที่ซับซ้อนมากนัก โดยเริ่มกันที่ระบบการทำงานของโหมด Manual จะมีโหมดการขับขี่ทั้งหมด 5 โหมดด้วยกัน คือ Rain, Street, Sport, Custom 1 และ Custom 2 โดยทุกโหมดเราต้อง เพิ่ม/ลด เกียร์เอง โดยสามารถสั่งการได้จากชุดสวิทช์ฝั่งซ้ายของแฮนด์ ซึ่งทำได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส และด้วยเหตุนี้เองการเปลี่ยนเกียร์จะถูกควบคุมด้วยนิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือ เท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆ และทำให้เราไม่ต้องกังวลไปกับการใช้คลัทช์ หรือว่ากลัวรถจะดับในกรณีที่อยู่ใช้ความเร็วที่ต่ำกว่าเกียร์ที่ใช้
โหมด AT
ส่วนโหมด AT หรือ Auto มีให้เลือกสองโหมด เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยสามารถสลับได้อย่างง่ายดายผ่านปุ่ม MODE ซึ่งในโหมด D+ Mode จะให้การเปลี่ยนเกียร์แบบสปอร์ต ซึ่งระบบจะเปลี่ยนเกียร์ให้เมื่อใช้ในรอบที่สูง เพื่อรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบสปอร์ต ในขณะที่ยังคงให้ประโยชน์ของ เกียร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ส่วนอีกรูปแบบ คือ D Mode มอบประสบการณ์การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษารอบต่ำ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสูงสุดในช่วงความเร็วต่ำ เน้นการขับขี่ในเมือง ที่ต้องใช้ความคล่องตัว และในขณะที่อยู่ในโหมด AT ยังสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์แบบแมนนวลได้ตลอดเวลา
ขี่จริงเป็นอย่างไร?
ฟีลลิ่งขับขี่จากที่ลองขับขี่ทั้งสองรูปแบบแล้วสรุปได้ว่า Y-AMT เป็นอีกหนึ่งระบบเกียร์ใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนให้ไฮเปอร์เน็กเกตอย่างเจ้า MT-09 สามารถขับขี่ได้ง่าย และสนุกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถรีดสมรรถนะพละกำลังได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงความจัดจ้านเอกลักษณ์ด้านแรงบิดได้อย่างครบถ้วน โดยในส่วนของโหมด MT ที่เราต้องเปลี่ยนเกียร์เอง ซึ่งสามารถ เพิ่ม-ลด เกียร์ได้อย่างลื่นไหล และที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่ารถจะดับเมื่อใช้ความเร็วต่ำ ส่วนในโหมด AT โหมด D กับ D+ มีความแตกต่างที่ชัดเจน โดยโหมด D จะให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่นุ่มนวล แต่ในโหมด D+ จะมีความดุดันมากกว่าซึ่งตัวรถจะเปลี่ยนเกียร์ให้ในรอบที่สูงกว่าโหมด D ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้กับแรงบิดมหาศาลของตัวรถได้อย่างเร้าใจ และที่สำคัญในโหมด AT สามารถขี่ได้อย่างคล่องตัว ซึ่งระบบชุดเกียร์จะ เพิ่ม/ลด เกียร์โดยอัตโนมัติ หรือจะ เพิ่ม/ลด เกียร์เองก็สามารถทำได้เช่นกัน
MT-09 Y-AMT เหมาะกับใคร
สุดท้ายนี้หากถามว่า MT-09 Y-AMT นั้นเหมาะกับใครบอกเลยว่าสามารถขับขี่ได้ท้ังมือใหม่ และมือเก๋า เพราะระบบเกียร์นี้เข้ามาช่วยเสริมการขับขี่รถบิ๊กไบค์นั้นทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณเป็นผู้ขับขี่มือใหม่ก็สามารถขับขี่ได้คล่องตัวเหมือนมือโปรอย่างแน่นอน และไม่ต้องกังวลว่ารถจะดับอีกต่อไป ส่วนการใช้งานเต็มๆ ในชีวิตประจำวันจะเป็นอย่างไรนั้นเราจะมารีวิวอัพเดทกันอีกครั้ง
ราคาจำหน่าย และการวางจำหน่าย
สำหรับผู้ที่สนใจ MT-09 Y-AMT มีให้เลือก 3 สีได้แก่ Midnight Cyan, Icon Blue และ Tech Black โดยมีราคาแนะนำที่ 519,000 บาท สามารถชมคันจริง และทดลองขับขี่ได้ที่ Yamaha Riders’ club ทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook :Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day