บสย. ร่วมมือโตโยต้า ลีสซิ่ง เปิดโครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ช่วย SMEs เกษตรกร และผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งขนาดเล็กเข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น ในวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อรายเพิ่มโอกาสทางอาชีพและกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ฟื้นตัว
กระบะพี่ มีคลังค้ำ มาตรการช่วยเหลือที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ SMEs ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน ซึ่งส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) จากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SMEs ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน บสย. จึงร่วมมือกับ ‘โตโยต้า ลีสซิ่ง’ ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ เพื่อช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ที่อาจมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อรถกระบะได้ง่ายขึ้น พลักดันให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้ เป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. ได้ร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ในการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านมาตรการ ‘กระบะพี่ มีคลังค้ำ’ สำหรับ SMEs ที่ยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อกับโตโยต้า ลีสซิ่งโดยให้ บสย. เป็นผู้ค้ำประกัน
ซึ่งมาตรการนี้มีสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระหนี้ค้ำประกันในแต่ละปี ค้ำประกันได้สูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย ตั้งเป้าว่ามาตรการนี้จะช่วย ปลดล็อก SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น พร้อมเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
ซึ่งมาตรการกระบะพี่ มีคลังค้ำ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของรัฐบาล ที่ช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ของ SMEs ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร รับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น
ปัจจุบันมีการใช้วงเงินค้ำประกันไปแล้วประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท เหลือวงเงินที่สามารถใช้ได้อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บสย. อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายระยะเวลาที่เหลือออกไปในปีหน้า จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ในกรณีที่ใช้งบวงเงินไม่หมด
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า SMEs และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย มีความสำคัญต่อยอดขายรถยนต์โตโยต้าเป็นอย่างมาก ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าตลาดรถค่อนข้างท้าทายมาก
ปัจจุบันสถานการณ์ของตลาดกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีห่วงโซ่การผลิตที่ยาวและพึ่งพาซัพพลายเออร์ในประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริษัทฯ ที่ใช้ Local Content (การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ) ในสัดส่วนสูง ยกตัวอย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 95%
ดังนั้นเมื่อยอดขายลดลงจึงส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ และสะท้อนกลับมายังเศรษฐกิจประเทศโดยรวม เนื่องจากภาคยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย
ส่วนตลาดรถกระบะเพื่อการบรรทุก (Pure Pick up) หรือ รถกระบะตอนเดียว มีปริมาณการขายสะสมเดือนมกราคม – กันยายน อยู่ที่ 107,150 คัน ลดลง 15.3% สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมยอดขาย และช่วยรักษาความต่อเนื่องของอุตสาหกรรมได้ โดยจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้อย่างแท้จริง
นางสาวชื่นกมล ทัพพะรังสี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ระบุว่า การที่ บสย. เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าที่อาจมีคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของบริษัท
ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของรถกระบะ เพื่อนำไปใช้ดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น โดยคาดว่าการค้ำประกันจาก บสย. จะช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับโตโยต้า ลีสซิ่ง ควบคู่ไปกับการผลักดันยอดการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ให้เติบโตขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตลาดรถยนต์โดยรวม
ด้านนายศรัณย์ ทองธรรมชาติ ประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า การปลดล็อกให้ Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง สามารถเข้าร่วมโครงการกับ บสย. ถือเป็นมิติใหม่ในวงการธุรกิจเช่าซื้อไทย
เพราะปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมาจากสถาบันการเงิน 50% และกลุ่ม Non-Bank 50% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจาก Captive Finance ผลของการร่วมมือในครั้งนี้
ทั้งยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมธุรกิจเช่าซื้อ นำไปสู่การขยายความร่วมมือระหว่าง Non-bank กับ บสย. ไปสู่โครงการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจให้กลับมาพลิกฟื้นได้
มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” จึงไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงสนับสนุนที่เปิดโอกาสให้ SMEs สามารถดำเนินการและต่อยอดธุรกิจได้สะดวกขึ้น
สำหรับ SMEs ที่มีความต้องการซื้อรถกระบะเพื่อประกอบอาชีพ สามารถติดต่อที่โชว์รูมรถยนต์โตโยต้า ใกล้บ้าน เพื่อยื่นขอสินเชื่อกับ โตโยต้า ลีสซิ่ง โดยให้ บสย. ค้ำประกัน หรือ ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ที่ LINE OA : @tcgfirst ทำได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย













