ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไทยเจอมรสุมลูกใหญ่ที่ทำให้ตลาดลดลงอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจกำลังซื้อจำกัดและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
ฉุดตลาดรถยนต์ลดลงติดต่อกัน 39,048 คัน ลดลง 37.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 15,658 คัน ลดลง 38.4%
ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 23,380 คัน ลดลง 36.2% และรถกระบะขนาด 1 ตันรวม PPV ยอดขายทั้งหมด 13,972 คัน ลดลง 40.1 %
ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 13,102 คัน คิดเป็นสัดส่วน 34% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV มีอัตราการเติบโตลดลงเช่นกันที่ 11% แต่ยังคงสัดส่วนการขายสูงที่สุดในตลาดรถ xEV ด้วยยอดขาย 7,355 คัน คิดเป็น 56% ของตลาด xEV ทั้งหมด ในส่วนของรถยนต์ BEV ทำยอดขายได้ 4,982 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ตลาดรถยนต์เดือนตุลาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนกันยายน แต่ยังคงเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและผลกระทบจากภาวะอุทกภัย อย่างไรก็ตาม การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และโปรโมชันการขายที่น่าสนใจจากหลากหลายค่ายรถยนต์ อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
สำหรับตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน 438,659 คัน ลดลง 25.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 169,862 คัน ลดลง 22.7% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 268,797 คัน ลดลง 26.8% และรถกระบะขนาด 1 ตัน รวม PPV ยอดขายทั้งหมด 153,504 คัน ลดลง 40.0%
เป็นที่น่าสังเกตุว่ายอดขายรถยนต์สะสม 9 เดือนในส่วนของรถยนต์นั่งทาง BYD ทำยอดโตลดลง 632.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.1% จากตัวเลข 15,399 คัน จากปริมาณการขายรวม 169,862 คัน ลดลง 22.7% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วปีนี้ถึง 3,003.1% ส่วนแบ่งตลาด 9.7% จากตัวเลข 14,926 คัน จากปริมาณการขายรวม 154,194 คัน ลดลง 20.6% ทั้งนี้เกิดจากการเปิดรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีรวมถึงแคมเปญลดราคาสูงสุด 3 แสนกว่าบาท
ทางด้าน Mitsubishi ในตลาดรถยนต์นั่งกลับเติบโต 28.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.9% ด้วยต้วเลข 1,395 คัน ทำให้สะสม 9 เดือนทำได้ 13,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1% จากอภินิหาร Mitsubishi XPANDER HEV มาเรื่อยๆแต่เติบโตต่อเนื่อง
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2567
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 39,048 คัน ลดลง 37.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 15,311 คัน ลดลง 27.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,080 คัน ลดลง 44.2% ส่วนแบ่งตลาด 15.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,365 คัน ลดลง 52.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 2,093 คัน ลดลง 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 5.4%
อันดับที่ 5 ฟอร์ด 1,374 คัน ลดลง 53.4% ส่วนแบ่งตลาด 3.5%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 15,668 คัน ลดลง 38.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 4,692 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,426 คัน ลดลง 18.7% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,395 คัน เพิ่มขึ้น 28.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
อันดับที่ 4 เอ็มจี 894 คัน ลดลง 52.0% ส่วนแบ่งตลาด 5.7%
อันดับที่ 5 เนต้า 509 คัน ลดลง 46.6% ส่วนแบ่งตลาด 3.2%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 23,380 คัน ลดลง 36.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,619 คัน ลดลง 5.3% ส่วนแบ่งตลาด 45.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,080 คัน ลดลง 44.2% ส่วนแบ่งตลาด 26.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,374 คัน ลดลง 53.4% ส่วนแบ่งตลาด 5.9%
อันดับที่ 4 ฮอนด้า 939 คัน ลดลง 80.8% ส่วนแบ่งตลาด 4.0%
อันดับที่ 5 บีวายดี 886 คัน ลดลง 45.0% ส่วนแบ่งตลาด 3.8%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick upกับรถ PPV) ปริมาณการขาย 13,972 คัน ลดลง 40.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,488 คัน ลดลง 32.0% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,101 คัน ลดลง 45.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,374 คัน ลดลง 53.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 698 คัน ลดลง 31.0% ส่วนแบ่งตลาด 5.0%
อันดับที่ 5 นิสสัน 201 คัน ลดลง 49.6% ส่วนแบ่งตลาด 1.4%
ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 2,463 คัน ลดลง 41.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 949 คัน ลดลง 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 798 คัน ลดลง 50.3% ส่วนแบ่งตลาด 32.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 574 คัน ลดลง 38.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.3%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 97 คัน ลดลง 62.0% ส่วนแบ่งตลาด 3.9%
อันดับที่ 5 นิสสัน 45 คัน ลดลง 48.9% ส่วนแบ่งตลาด 1.8%
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,509 คัน ลดลง 39.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,690 คัน ลดลง 28.3% ส่วนแบ่งตลาด 49.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 4,152 คัน ลดลง 47.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 800 คัน ลดลง 60.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 601 คัน ลดลง 20.6% ส่วนแบ่งตลาด 5.2%
อันดับที่ 5 นิสสัน 156 คัน ลดลง 49.8% ส่วนแบ่งตลาด 1.4%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กันยายน 2567
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 438,659 คัน ลดลง 25.3 %
อันดับที่ 1 โตโยต้า 167,218 คัน ลดลง 16.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 65,269 คัน ลดลง 45.7% ส่วนแบ่งตลาด 14.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 58,311 คัน ลดลง 16.6% ส่วนแบ่งตลาด 13.3%
อันดับที่ 4 บีวายดี 22,237 คัน เพิ่มขึ้น 23.4% ส่วนแบ่งตลาด 5.1%
อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 20,356 คัน ลดลง 23.3% ส่วนแบ่งตลาด 4.6%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 169,862 คัน ลดลง 22.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 48,823 คัน ลดลง 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 33,981 คัน ลดลง 22.6% ส่วนแบ่งตลาด 20.0%
อันดับที่ 3 บีวายดี 15,399 คัน เพิ่มขึ้น 632.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 13,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%
อันดับที่ 5 เอ็มจี 9,769 คัน ลดลง 26.7% ส่วนแบ่งตลาด 5.8%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 268,797 คัน ลดลง26.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 118,395 คัน ลดลง 2.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 65,269 คัน ลดลง 45.7% ส่วนแบ่งตลาด 24.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 24,330 คัน ลดลง 6.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 16,104 คัน ลดลง 44.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%
อันดับที่ 5 บีวายดี 6,838 คัน ลดลง 57.1% ส่วนแบ่งตลาด 2.5%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถ PPV) ปริมาณการขาย 153,504 คัน ลดลง 40.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 70,632 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 46.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 56,812 คัน ลดลง 47.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 16,104 คัน ลดลง 44.0% ส่วนแบ่งตลาด 10.5%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 6,567 คัน ลดลง 52.4% ส่วนแบ่งตลาด 4.3%
อันดับที่ 5 นิสสัน 2,282 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 1.5%
ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 26,944 คัน ลดลง 43.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,534 คัน ลดลง 44.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,196 คัน ลดลง 44.4% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 6,138 คัน ลดลง 33.8% ส่วนแบ่งตลาด 22.8%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 1,753 คัน ลดลง 46.8% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%
อันดับที่ 5 นิสสัน 323 คัน ลดลง 65.1% ส่วนแบ่งตลาด 1.2%
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 126,560 คัน ลดลง 39.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 61,098 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 48.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 47,616 คัน ลดลง 48.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 9,966 คัน ลดลง 48.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 4,814 คัน ลดลง 54.1% ส่วนแบ่งตลาด 3.8%
อันดับที่ 5 นิสสัน 1,959 คัน ลดลง 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 1.5%