ในขณะที่ไทยเตรียมที่จะเปิดราคาขายในเดือนตุลาคมแต่แล้วญี่ปุ่นตัดหน้าไทยอย่างจังการเปิดตัวและราคาจำหน่ายของ Toyota bZ4X เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นไมเนอร์เชนจ์
ปรับครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของ Toyota bZ4X ปรับทั้งคันพร้อมขุมพลังไฟฟ้าที่พัฒนาใหม่ให้แรงขึ้นปรับแบตเตอรี่ใหม่
ภายนอกหล่อ
ด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกันแนวใหม่รูปตัว C กระจังหน้าแบบ Hammerhead กริตเตอร์ขอบใหญ่ทึบสีดำมีปีกซ้ายขวาดีไซน์เอกลักษณ์สีเดียวกับตัวรถพร้อมตราโลโก้สามห่วงกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แปลกตากว่าเดิมพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ช่องระบายอากาศออกแบบใหม่ทรงหกเหลี่ยมในชุดกันชนหน้า คิ้วขอบล้อดีไซน์ทันสมัยเข้ากับตัวถังแบบสีดำเงา
ด้านข้างเดิมๆทั้งหลังคารถลาดลง กระจกมองข้างสีดำ ที่เปิดประตูดึงก้าน เท่ถึงใจพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 และขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 เป็นออปชันเสริมในรุ่น Z ด้านท้ายดีไซน์เดิมทั้งไฟท้าย LED รูปตัว C พร้อมสปอยเลอร์หลังออกแบบ 2 จุดด้วยกันทั้งบนหลังคา ขอบไฟท้ายที่สวยและดูสปอร์ตมาก ประตูท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ 0.279
ตัวรถมาในร่างเอสยูวีจากพื้นฐาน e-TNGA
- ความยาว 4,690 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 180 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,830-1,890 กิโลกรัม
ภายในใหม่หมด
ด้วยแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดียวกันกับ Toyota C-HR+ เรียบง่ายขึ้นช่องแอร์ออกแบบใหม่แนวนอนทั้งหมด มาตรวัดดิจิทัลพร้อมจอ MID (Multi Information Display) 7 นิ้ว ในส่วนคอนโซลกลางตั้งแต่จอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แยกจากช่องแอร์ออกแบบให้มีช่องชาร์จมือถือไร้สาย 2 ช่อง ไปอยู่ข้างบนและย้ายสวิตช์ควบคุมการทำงานของหน้าจอมาอยู่ข้างล่างรวมถึงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่และไฟสร้างบรรยากาศภายในใหม่ Ambient Light 64 สี และใหม่!! หลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่แบบตายตัวไม่มีเสากั้นพร้อมม่านบังแดดในรุ่น Z
พวงมาลัยสามก้านที่ดูหนากว่าปกติ ตำแหน่งของแผงหน้าปัดและตำแหน่งของมาตรวัดอยู่เหนือพวงมาลัย ช่วยเพิ่มการมองเห็นและมีความปลอดภัยมากขึ้น เพลิดเพลินตลอดทางกับลำโพง 6 จุด และ 9 จุด จาก JBL ในรุ่น Z มีพอร์ต USB มากถึง 4 จุด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe™ และ กรองฝุ่น PM5 สวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire เบรกมือแบบไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และ กระจกมองหลังแบบแบบดิจิทัล (Digital Rear View Mirror) ในรุ่น Z
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และกระจกมองข้างในด้านคนขับ หุ้มหนัง ในรุ่น Z ส่วนรุ่น G เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและคนนั่งปรับธรรมดา 6 ทิศทาง หุ้มผ้า
เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ปรับเอนได้ 1 ระดับ พร้อมระบบอุ่นเบาะคู่หน้า-หลังในรุ่น Z สามารถสั่งการเปิดแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรลได้ในระยะกว่า 30 เมตร นอกจากนี้ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยส่วนประกอบวัสดุรีไซเคิลของคอนโซลภายใน โดยมาในโทนสีดำเข้ม
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนพัฒนาใหม่
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารหัส 2XM ในรุ่น G ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 57.7 kWh ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร วิ่งไกล 544 กิโลเมตร (WLTC)
รุ่น Z Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารหัส 2XM ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh ให้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร วิ่งไกล 746 กิโลเมตร (WLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.4 วินาที
รุ่น Z AWD ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังรวม 343 แรงม้า แรงบิดรวม 437 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.1 วินาที วิ่งไกล 687 กิโลเมตร (WLTC) โหมดการขับขี่แบบ X-Mode สำหรับรุ่น AWD ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน หรือทางลาดชัน
สำหรับรุ่นแบตเตอรี่ 74.7 kWh เพิ่มจำนวนเซลล์แบตเตอรี่จาก 96 เป็น 104 เซลล์ ลดการสูญเสียพลังงานจากเพลาไฟฟ้า (e-axle) ลงประมาณ 40% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อลดระยะเวลาในการชาร์จ รถยนต์คันนี้จึงติดตั้งระบบ “battery preconditioning” ซึ่งสามารถอุ่นแบตเตอรี่ก่อนการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จอย่างรวดเร็ว DC ได้ในเวลาประมาณ 28 นาทีด้วยเครื่องชาร์จ 150 kW แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิภายนอก -10°C
ด้านการชาร์จถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC CHAdeMo และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลัง 22 kW มีระบบ Regenerative Braking Mode ที่จะช่วยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาทุกครั้งที่ยกคันเร่ง สำหรับแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ ทั้งมีขบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตลอดกระบวนการผลิต
พร้อมแป้นควบคุมแรงหน่วงเบรก (Paddle Shift) สามารถเลือกระดับการลดความเร็วได้ 4 ระดับ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/NORMAL/SNOW ส่วนรุ่น AWD มีทั้ง X-MODE (SNOW-DRIT, DEEP SNOW-MUD และ GRIP Control)/ECO/NORMAL
พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริงและด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบน เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่เกาะถนน ดีเยี่ยม นอกจากนี้ในรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถลากจูงเพิ่มเป็น 2 เท่าเป็น 1,500 กิโลกรัม พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร
สำหรับรุ่นแบตเตอรี่ 74.7 kWh เพิ่มจำนวนเซลล์แบตเตอรี่จาก 96 เป็น 104 เซลล์ ลดการสูญเสียพลังงานจากเพลาไฟฟ้า (e-axle) ลงประมาณ 40% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อลดระยะเวลาในการชาร์จ รถยนต์คันนี้จึงติดตั้งระบบ “battery preconditioning” ซึ่งสามารถอุ่นแบตเตอรี่ก่อนการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จอย่างรวดเร็วได้ในเวลาประมาณ 28 นาทีด้วยเครื่องชาร์จ 150 กิโลวัตต์ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิภายนอก -10°C
เพิ่มวัสดุซับเสียง เพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เช่น กระจก Acoustic สำหรับกระจกประตูหน้า, วัสดุโฟมให้กับโครงตัวถัง, ท่อเก็บเสียงซุ้มล้อในห้องโดยสาร, เพิ่มประสิทธิภาพการซีลของกระจกบานหลัง เป็นต้นพัฒนาระบบ Aerodynamics ที่สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย ฝาครอบใต้ท้องรถ และกระจกมองข้าง เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น
ความปลอดภัย Toyota Safety Sense
- ความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) แบบ All-Speed
- เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน (Lane Tracing Assist)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
- ช่วยจอดอัจฉริยะ (Intelligent Parking Assist) ที่ใช้เทคโนโลยีกล้องมองรอบคัน (PVM) และเซ็นเซอร์ ให้การจอดรถง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
- ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
- ช่วยเตือน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ (Parking Support Brake)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมเสริมความปลอดภัย 8 ตำแหน่ง (คู่หน้า/ด้านข้างคู่หน้า/ม่านด้านข้าง/ตรงกลางด้านหน้า/หัวเข่าด้านคนขับ) กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) แจ้งเตือนลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่งชุดซ่อมยางฉุกเฉิน กุญแจนิรภัย Immobilizer ป้องกันล้อล็อก (ABS) เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมการทรงตัว (VSC) ป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) และ ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)
Toyota bZ4X ไมเนอร์เชนจ์ขายที่ญี่ปุ่นถึง 3 รุ่นย่อยในราคาดังนี้
- รุ่น G Standard Range FWD 4,800,000 YEN หรือราว 1,029,000 บาท
- รุ่น Z Extended Range FWD 5,500,000 YEN หรือราว 1,179,000 บาท
- รุ่น Z AWD 6,000,000 YEN หรือราว 1,289,000 บาท
ที่มา Carwatch