ออสเตรเลียเป็นรายล่าสุดเปิดตัว Toyota bZ4X ไมเนอร์เชนจ์หลังจากที่หลายประเทศทยอยเปิดไปก่อนหน้าแล้วไม่ว่าจะยุโรป ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย ฯลฯ

ปรับครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของ Toyota bZ4X ปรับทั้งคันพร้อมขุมพลังไฟฟ้าที่พัฒนาใหม่ให้แรงขึ้นปรับแบตเตอรี่ใหม่
ภายนอกหล่อ
ด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกันแนวใหม่รูปตัว C กระจังหน้าแบบ Hammerhead กริตเตอร์ขอบใหญ่ทึบสีดำมีปีกซ้ายขวาดีไซน์เอกลักษณ์สีเดียวกับตัวรถพร้อมตราโลโก้สามห่วงกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แปลกตากว่าเดิมพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ช่องระบายอากาศออกแบบใหม่ทรงหกเหลี่ยมในชุดกันชนหน้า คิ้วขอบล้อดีไซน์ทันสมัยเข้ากับตัวถังแบบสีดำเงา
ด้านข้างเดิมๆทั้งหลังคารถลาดลง กระจกมองข้างสีดำ ที่เปิดประตูดึงก้าน เท่ถึงใจพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ด้านท้ายดีไซน์เดิมทั้งไฟท้าย LED รูปตัว C พร้อมสปอยเลอร์หลังออกแบบ 2 จุดด้วยกันทั้งบนหลังคา ขอบไฟท้ายที่สวยและดูสปอร์ตมาก ประตูท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ 0.279
ตัวรถมาในร่างเอสยูวีจากพื้นฐาน e-TNGA
- ความยาว 4,690 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 212 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,960-2,055 กิโลกรัม

ภายในใหม่หมด
ด้วยแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดียวกันกับ Toyota C-HR+ เรียบง่ายขึ้นช่องแอร์ออกแบบใหม่แนวนอนทั้งหมด มาตรวัดดิจิทัลพร้อมจอ MID (Multi Information Display) 7 นิ้ว ในส่วนคอนโซลกลางตั้งแต่จอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แยกจากช่องแอร์ออกแบบให้มีช่องชาร์จมือถือไร้สาย 2 ช่อง ไปอยู่ข้างบนและย้ายสวิตช์ควบคุมการทำงานของหน้าจอมาอยู่ข้างล่างรวมถึงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่และไฟสร้างบรรยากาศภายในใหม่ Ambient Light 64 สี ใหม่!! หลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่แบบตายตัวไม่มีเสากั้นพร้อมม่านบังแดด
พวงมาลัยสามก้านที่ดูหนากว่าปกติใหม่!! เพิ่ม ฮีตเตอร์อุ่นพวงมาลัย ตำแหน่งของแผงหน้าปัดและตำแหน่งของมาตรวัดอยู่เหนือพวงมาลัย ช่วยเพิ่มการมองเห็นและมีความปลอดภัยมากขึ้น เพลิดเพลินตลอดทางกับลำโพง 6 จุด และ 9 จุด จาก JBL มีพอร์ต USB Type-C มากถึง 4 จุด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe™ และ กรองฝุ่น PM5 สวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire เบรกมือแบบไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และกระจกมองข้างในด้านคนขับเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ปรับเอนได้ 1 ระดับ มีพื้นที่ด้านท้าย 410 ลิตรในรุ่น AWD และ 421 ลิตรในรุ่น FWD ใหม่!! เพิ่มเบาะนั่งแบบเย็น Ventilated front seats และยังมีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า AC 1500W
สามารถสั่งการเปิดแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรลได้ในระยะกว่า 30 เมตร นอกจากนี้ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยส่วนประกอบวัสดุรีไซเคิลของคอนโซลภายใน โดยมาในโทนสีดำเข้มและ กระจกมองหลังแบบดิจิทัล (Digital Rear View Mirror)

ขุมพลังไฟฟ้าล้วนพัฒนาใหม่
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh ที่มีถึง 2 ทางเลือกตั้งแต่รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่น Long Range ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิด 269 นิวตันเมตร วิ่งไกล 591 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 695 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.4 วินาที
รุ่น AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ X-MODE ให้กำลังรวม 343 แรงม้า แรงบิด 438 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.1 วินาที วิ่งไกล 517 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 608 กิโลเมตร (NEDC) โหมดการขับขี่แบบ X-Mode สำหรับรุ่น AWD ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน หรือทางลาดชัน
ด้านการชาร์จถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC ชาร์จเต็ม 10-80% ภายใน 28 นาที โดยกำลังไฟสูงสุด 150 kW และชาร์จกระแสสลับ AC เพิ่มกำลังการชาร์จสูงสุด 22 kW 0-100% ภายใน 3.5 ชั่วโมง มีระบบ Regenerative Braking Mode ที่จะช่วยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาทุกครั้งที่ยกคันเร่ง สำหรับแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ ทั้งมีขบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตลอดกระบวนการผลิต
ใหม่!! แป้นควบคุมแรงหน่วงเบรก (Paddle Shift) สามารถเลือกระดับการลดความเร็วได้ 4 ระดับ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

เพิ่มวัสดุซับเสียง เพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เช่น กระจก Acoustic สำหรับกระจกประตูหน้า, วัสดุโฟมให้กับโครงตัวถัง, ท่อเก็บเสียงซุ้มล้อในห้องโดยสาร, เพิ่มประสิทธิภาพการซีลของกระจกบานหลัง เป็นต้นพัฒนาระบบ Aerodynamics ที่สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย ฝาครอบใต้ท้องรถ และกระจกมองข้าง เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น
พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริงและด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบน เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่เกาะถนน ดีเยี่ยม นอกจากนี้ในรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถลากจูงเพิ่มเป็น 2 เท่าเป็น 1,500 กิโลกรัม

ความปลอดภัย Toyota Safety Sense
- ความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) แบบ All-Speed
- เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน (Lane Tracing Assist)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
- ช่วยจอดอัจฉริยะ (Intelligent Parking Assist) ที่ใช้เทคโนโลยีกล้องมองรอบคัน (PVM) และเซนเซอร์ ให้การจอดรถง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
- ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) ใหม่!!
- ช่วยเตือน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ (Parking Support Brake)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) ใหม่!!
- ป้องกันการเปิดประตูรถขณะมีรถหรือจักรยานแล่นมาด้านข้าง (Safe exit assist)
- จดจำป้ายจราจร Speed sign recognition
ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมเสริมความปลอดภัย 8 ตำแหน่ง (คู่หน้า/ด้านข้างคู่หน้า/ม่านด้านข้าง/ตรงกลางด้านหน้า/หัวเข่าด้านคนขับ) ใหม่!! กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) แจ้งเตือนลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่งชุดซ่อมยางฉุกเฉิน กุญแจนิรภัย Immobilizer ป้องกันล้อล็อก (ABS) เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมการทรงตัว (VSC) ป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) และ ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)

Toyota bZ4X ไมเนอร์เชนจ์ประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ขาย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น FWD และ AWD ในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road เริ่มต้น $55,990-$67,990 หรือราว 1,185,000-1,425,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี จับคู่กับภายในทั้งหมด 2 สี ทั้งสีดำ Black (ในรุ่น FWD และ AWD) และสีเทาอ่อน Light Gray (เฉพาะรุ่น AWD) ส่วนหลังคาดำ Black Roof เป็นออปชันเสริมเพิ่มเงินในรุ่น AWD
- สีดำ Eclipse Black
- สีขาวมุก Frosted White
- สีเทา Liquid Metal
- สีแดง Feverish Red
- สีน้ำเงิน Saturn Blue
ที่มา Toyota










