พึ่งจะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมที่ยุโรปไม่นาน สหรัฐอเมริกาก็เปิดตัวเช่นกันกับ Toyota Corolla Cross ไมเนอร์เชนจ์ปรับตามเมืองไทย
สเปกอเมริกามีความต่างจากสเปกยุโรปสำหรับ Toyota Corolla Cross ไมเนอร์เชนจ์เริ่มที่รุ่น HEV ฟูลไฮบริด
เริ่มที่ระจังหน้าตัวเด่นมีช่องระบายอากาศดีไซน์รังผึ้งพร้อมโลโก้สามห่วงพื้นหลังสี้น้ำเงินสื่อถึงว่าคันนี้คือรุ่น HEV สีเดียวกับตัวรถ พร้อมการตกแต่งกระจังหน้าแบบสีเทากับโครเมียม รับกับกันชนหน้าสีทูโทนพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED อยู่ตำแหน่งเดียวกับช่องะระบายอากาศด้านล่างใต้ตำแหน่งป้ายทะเบียน พร้อมคิ้วเสริมใต้กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ
ทางด้านรุ่นสันดาปหน้าตาเดิมเพิ่มเติมด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมสีดำเข้มไส้ในแบบนรังผึ้งส่วนบนติดตราสามห่วงพร้อมปีกหนาสีดำในกรอบ โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ 2 ขนาดตั้งแต่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/60R17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18
นอกนั้นออปชันเดิมทั้งไฟหน้าโคมใหม่ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding มีไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า ราวหลังคาบิ๊วอิน หลังคารถและกระจกมองข้างทรงสปูนตกแต่งสีดำ หรือ สีเเดียวกับตัวรถ เฉพาะรุ่น ที่เปิดประตูดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ
ไฟท้าย LED สีขาวแดง LED Light Guiding ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED กันชนหลังทรงสปอร์ต ราวหลังคา ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟแบบ Frameless และหลังคาซันรูฟ
ภายในตกแต่งคล้ายสเปกยุโรปด้วยจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ Toyota Audio Multimedia ขนาด 10.5 นิ้ว รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆพร้อมกับ Wi-Fi รองรับการไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto สตรีมเพลงจากแอป Amazon Music และ Apple Music ช่องเสียบ USB Type C พร้อมลำโพง 6 จุด และ 9 จุดจาก JBL
มาตรวัดความเร็วแบบสี TFT ขนาดใหญ่เต็มจอ 12.3 นิ้ว สามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ปรับได้ตามความชอบกับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual, Smart, Tough, Sporty และมีมาตรวัดดิจิทัลสี TFT 7 นิ้วให้เลือก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน และเบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบอุ่นเบาะที่ใจดีให้เป็นออปชันมาตรฐาน คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ต่างจากไทยเน้นใช้งานง่ายสะดวกขึ้นพร้อมช่องเก็บของและที่ท้าวแขนหุ้มหนังสัมผัส
พร้อมออปชันเดิมทั้งกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติและม่านบังแดดปรับไฟฟ้าในตำแหน่งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พวงมาลัยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Entry) เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำผสมผ้า SofTex® กับผ้าทั้งแผง SofTex® เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 พนักวางแขนด้านหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 438-487 ลิตร
ขุมพลังสำหรับอเมริกามี 2 ทางเลือกทั้งแบบฟูลไฮบริด HEV และ สันดาปล้วนเริ่มที่เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Dynamic Force Hybrid พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE electric variable valve timing แรงเร้าใจและประหยัดให้พลัง
ภายใต้รหัส M20A-FXS 2.0 ลิตร ในภาคเครื่องยนต์ให้กำลัง 152 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาทีแรงบิด 188 นิวตันเมตรที่ 4,400-5,200 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 1VM กำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตรและ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 1WM ให้กำลังมากถึง 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร
ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 197 แรงม้า ขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีแรงดันไฟ 216 โวลต์ 6.5 แอมป์ชั่วโมง เพิ่มเซลส์ไฟฟ้าขึ้นเป็น 180 เซลส์ และความจุแบต 1.404 kWh (6.5Ah) เป็นระบบ Hybrid เจเนอเรชันที่ 5 พัฒนาใหม่โดยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัดยิ่งขึ้น ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งด้านหลังลดการเสียพื้นที่ของห้องโดยสาร พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ Electronic On-Demand AWD
เบนซินตระกูล Dynamic Force ภายใต้รหัส M20A-FKS ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาทีแรงบิด 202 นิวตันเมตรที่ 4,400-4,800 รอบต่อนาที ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE electric variable valve timing จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift 10 สปีด พร้อม paddle shift เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
ในรุ่นฟูลไฮบริดมีโหมดการขับขี่ทั้ง EV, POWER, NORMAL ECO MODE ช่วงล่างด้านหน้ามาแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง ช็อคแอบซอร์บเบอร์ทั้งหน้าและหลัง และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) และความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 และ Toyota STAR เข้าไว้ด้วยกันทั้ง
- เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้า Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS w/PD)
- ล็อคความเร็วแปรผันอัตโนมัติโดยใช้เรดาห์ตรวจจับรถคันหน้าFull-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (DRCC)
- ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมฟังก์ชันหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติLane Departure Alert with Steering Assist (LDA w/SA)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beams (AHB)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Tracing Assist (LTA)
- แจ้งเตือนป้ายจราจร Road Sign Assist (RSA)
- ช่วยขับขี่เชิงรุก Proactive Driving Assist (PDA)
- แจ้งเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (ฺBSM)
- แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control (Enhanced VSC) ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TRAC) ป้องกันล้อล็อก Anti-lock Brake System (ABS)กระจายแรงเบรก Electronic Brake-force Distribution (EBD) ช่วยเบรก Brake Assist (BA) และ ลดกำลังเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่งและเบรกพร้อมกันภายใต้สภาวะบางอย่าง Smart Stop Technology (SST) สัญญาณกะระยะการจอดรถหน้า-หลัง และถุงลมนิรภัย 9 จุด
Toyota Corolla Cross ไมเนอร์เชนจ์ประกอบที่ที่เมืองฮันต์สวิลล์ รัฐแอละแบมา เตรียมขายที่สหรัฐอเมริกาปลายปีนี้พร้อมสีใหม่สีฟ้า Cavalry Blue ทั้งแบบโมโนโทนในรุ่นสันดาปและทูโทนผสมหลังคาดำ Jet Black ในรุ่นฟูลไฮบริด แบ่งตามเกรดดังนี้ L, LE, XLE, S HEV, SE HEV และ XSE HEV
ที่มา Toyota