More

    Toyota HARRIER MY25 ลุคใหม่พร้อมรุ่นพิเศษขายญี่ปุ่นเริ่ม 8 แสนกว่า

    Toyota Harrier เจเนอเรชันที่ 4 เอสยูวีหรูถูกใจชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย และบางประเทศและขายมายาวนานถึง 5 ปี

    Toyotaล่าสุดเปิดตัว Toyota HARRIER รุ่นปรับปรุงปี 2025 (MY2025) และยังเปิดตัวรุ่นพิเศษ Toyota HARRIER Night Shade ออกขายควบคู่กันที่ญี่ปุ่น

    เริ่มที่รุ่นพิเศษ Night Shade จากพื้นฐานรุ่น Z และรุ่น Z Leather Package เน้นของดำด้วยชุดแต่งเสริมหรูรอบคันเริ่มที่ไฟหน้า LED กับไฟส่องสว่าง Daytime แบบ LED อยู่ในโคมเดียวกัน แบบ dual branches โดยทั้งไฟหน้ารมดำ กระจังหน้าส่วนบนพร้อมโลโก้สามห่วงตกแต่งสีดำ กรอบไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วกันชนหน้าส่วนล่าง คิ้วชายล่างประตูกับกันชนหลังส่วนล่างตกแต่งด้วยสีดำกับโครเมียมสีเงิน ตราสัญลักษณ์ชื่อรุ่นและโลโก้ HEV ตกแต่งสีดำและล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R19

    Toyota

    ส่วนรุ่นปกติ MY2025 มีการปรับออปชันบางรายการในรุ่น G HEV และรุ่น G PHEV ภายนอกคงเดิมทั้งกระจังหน้าสีดำพร้อมโลโก้สามห่วงขอบสีฟ้าในรุ่น PHEV นอกนั้น กระจังหน้าลายปกติ ด้านข้าง ออกแบบให้มีรูปลักษณ์สปอร์ตกว่าเดิม เส้นโครเมียมที่กรอบประตูโดดเด่น กระจกมองข้างทรงสปูน ไฟท้าย LED แนวยาว แบบ horizontal LED พร้อมโลโก้สามห่วง  พร้อมเสียบปลั๊ก AC ในรุ่น PHEV ล้ออัลลอยมีตั้งแต่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/65R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60R18 และ 19 นิ้ว จากพื้นฐาน TNGA (GA-K)

    Toyota

    ภายในเดิมๆทั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง มาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอแสดง MID แบบสี TFT 12.3 นิ้ว พร้อมออปชันประจำรถทั้งลำโพงคุณภาพจาก JBL ถึง 9 ตัว พื้นที่สัมภาระท้ายกว้างใหญ่ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ เบาะนั่งตอน 2 พับได้แบบ 60/40 มีหลังคา Panorama roof พิเศษติดตั้งระบบ electric shades and electro-chromatic windows กันแสงและมี WIFI in Car ให้เป็นจุดปล่อยสัญญาณ Wi-Fi แถมในรุ่น PHEV เพิ่มปลั๊กจ่ายไฟภายนอกที่มีกำลังไฟสูงสุด 1,500 วัตต์ (AC 100 V) และภายในโทนสีดำ/สีแดง ระบบอุ่นเบาะทั้งหน้าและหลัง

    โดยในรุ่น MY2025 ทุกรุ่นเพิ่มระบบอุ่นในพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันและเบาะนั่งคู่หน้าปรับอุณหภูมิถึง 3 ระดับ ในรุ่น  Z PHEV และรุ่น Z “Leather Package”ติดตั้งที่ชาร์จมือถือไร้สายพร้อมไฟส่องสว่างและกุญแจดิจิทัล

    Toyotaมาพร้อมขุมพลังใหม่ด้วยเบนซิน Dynamic Force Plug-in hybrid เครื่องเดียวกับ Lexus RX450h+ AWD ภายใต้รหัส A25A-FXS 2.5 ลิตร 177 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 219  นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยมอเตอร์ไฟฟ้าหน้ารุ่น 5NM 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 18.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงถึง 306 แรงม้า โดยชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกลสุด 93 กิโลเมตร ประหยัดสุด 20.5 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน WLTC จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift ขับเคลื่อน 4 ล้อ e-Four พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้งโหมด EV, AUTO HV/EV, HV โดยชุดแบตติดตั้งไว้ใต้พื้นตรงกลางตัวรถทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขึ้น ลดจุดศูนย์ถ่วงลง มีเสถียรภาพในการบังคับเลี้ยวดีขึ้นตามไปด้วย

    Toyotaส่วนรุ่น HEV และเบนซินล้วนยังคงเดิมด้วย Dynamic Force ด้วยขนาด 2.0 ลิตร M20A-FKS ผลิตกำลังได้ 171 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาทีแรงบิด 207 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE electric variable valve timing จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift CVT เบนซิน Dynamic Force Hybrid 2.5 ลิตร A25A-FXS 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว 3NM 120 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร และ 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร โดยให้กำลังรวม 222 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift โดยทุกขนาดเครื่องยนต์ เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four และขับเคลื่อนล้อหน้า

    Toyotaระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ปรับปรุงใหม่เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นทั้ง Pre-Collision System with Pedestrian Detection เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบตรวจจับ เพิ่มฟังก์ชันตรวจจับ”ผู้ขับขี่จักรยาน (กลางคืน) และมอเตอร์ไซค์ (กลางวัน)” “ผู้ขับขี่จักรยานข้ามทางแยกเมื่อเลี้ยวขวาหรือซ้าย” และ “รถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้าสู่ทางแยก”

    เพิ่ม Blind Spot Monitor (BSM) แจ้งเตือนมุมอับสายตา Safe Exit Assist (SEA) ป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลัง และช่วยขับขี่เชิงรุก Professional Driving Assist (PDA) เป็นต้น

    ToyotaToyota Harrier MY2025 ทั้งรุ่นเบนซิน, รุ่น HEV, รุ่น PHEV และรุ่น Night Shade ขายญี่ปุ่นในราคาเริ่มต้น 3,713,000-6,261,000 YEN หรือราว 839,000- 1,415,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้านำเข้ามาขายในไทยรวมภาษีนำเข้าอยู่ที่ 2,415,000-4,435,000 บาท

     

    ที่มา CarWatch

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts