Toyota MIRAI เจเนเอเรชันที่ 2 ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากชาวญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และบางประเทศที่ส่งเข้าไปจำหน่ายแม้จะทำตลาดมาแล้ว 5 ปี
ล่าสุด Toyota แนะนำเก๋งหรูปรับปรุงใหม่ Toyota MIRAI MY2026 ปรับในส่วนออปชันบางรายการบนพื้นฐานเดิมหน้าเดิมแพลตฟอร์ม TNGA GA-L
ตั้งแต่ ปรับในส่วนของโลโก้ FCEV เหลือตำแหน่งเดียวคือท้ายรถจากเดิมมีด้านข้างคิ้วชายล่างประตู รวมถึงปรับปรุงสีภายนอก 5 สีให้ดูภูมิฐานขึ้นทั้ง
- สีน้ำเงิน “Force Blue Multiple Layers”
- สีขาวมุก “Precious White Pearl”
- สีเทา “Precious Metal”
- สีดำ “Precious Black Pearl”
- สีแดง “Emotional Red II”
นอกนั้นคงเดิมทั้งกระจังหน้าทรงปิดทึบปะโลโก้สามห่วง ไฟหน้า Bi-beam LED ใต้ไฟหน้ามีไฟ DRL แบบ LED ใต้กระจังหน้ามีช่องระบายอากาศสีดำและคิ้วโครเมียมสีเงินใต้ขอบกันชนหน้า ล้ออัลลอยมีให้เลือกลาย 10 ก้านสีทูโทนปัดเงาขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 ติดตั้งน็อตล้อสีดำในรุ่น Z กับ รุ่น G ขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 245/45R20 เป็นออปชันเสริมในรุ่น Z กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว LED คิ้วโครเมียมกรอบกระจกแบบโอเปร่า ไฟท้าย LED แนวยาวขนาดเล็กเรียวพร้อมฝากระโปรงท้ายมีสปอยเลอร์ในตัวเข้ากับชุดกันชนหลังตกแต่งพลาสติกสีเข้ม
ภายในเพิ่มความทันสมัยด้วยการเชื่อมต่อกับแอปนำทางในรถยนต์ “moviLink” บนสมาร์ทโฟน เข้าฟรี ด้วยการล็อกอินเข้าแอป ด้วยบัญชี Toyota สามารถเพลิดเพลินกับบริการเชื่อมต่อกับรถยนต์ เช่น คำแนะนำจุดแวะสถานีเติมไฮโดรเจน เมื่อค้นหาเส้นทาง วางแผนการเดินทาง และการผสานรวมกับโปรแกรมกำหนดตารางเวลา
นอกนั้นคงเดิมทั้ง จอสัมผัสขนาดใหญ่ปรับความละเอียดของภาพให้ชัดกว่าเดิมแบบ HD High-definition 12.3 นิ้ว รองรับ Android Auto Apple CarPlay รองรับ in-vehicle Wi-Fi เพิ่ม IR CUT กระจกประตูคู่หน้ากันรังสี UV A และ UV B ช่วยกรองรังสีอินฟาเรด ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารให้เย็นลง พร้อมออปชันเดิมทั้ง ลำโพง JBL ที่ให้มาถึง 14 ตัวรวมซับวูฟเฟอร์ มาตรวัดดิจิทัล TFT LCD สีขนาด 8 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความเร็วและระบบนำทางในจอ
จอแสดงผลแบบสีบนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบสามโซน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนัง พร้อมเบาะนั่งหนังแท้ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมความจำ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบสกายวิลล์ ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light 64 สีใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีกุญแจดิจิทัล
ขุมพลังเดิมด้วยระบบไฟฟ้า เติมไฮโดรเจน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor รุ่น 4JM ให้กำลังมากถึง 182 แรงม้าที่ 6,940 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 0-3,267 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ขนาดเล็กลงเพียง 1.2 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed ขับเคลื่อนล้อหลัง
ผนวกกับถังไฮโดรเจน 3 ถังใต้ท้องรถที่มีความจุถังทั้งหมด 141 ลิตร ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 9.4 วินาที แถมวิ่งไกลสุดต่อการเติมหนึ่งครั้งเพียง 750-850 กิโลเมตร โดยเติมหนึ่งครั้งเพียง 3-5 นาที
พร้อมความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบ Toyota Teammate (Advanced Drive) ช่วยขับอัตโนมัติช่วยให้รถไม่สามารถออกนอกเลนได้ในขณะที่มีจุดมุมอับสายตาและความปลอดภัย Toyota Safety Sense เทคโนโลยีที่มีฟังก์ชันทั้ง
- Proactive Driving Assist ช่วยลดความเร็วขณะถึงทางแยก เมื่อผู้ขับขี่ถอนคันเร่งและเปิดไฟเลี้ยว
- Pre-Collision System with Pedestrian and Bicyclist Detection ความปลอดภัยก่อนการชนพร้อมตรวจจับคนเดินเท้าและคนขี่จักรยาน
- Rear Cross Traffic Alert เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- Lane Departure Warning เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ
- Lane Change Assist สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน
- Adaptive cruise control ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ
- Automatic high beams ปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- Road sign assist อ่านป้ายจราจร
- Blind spot monitor สัญญาณเตือนจุดอับสายตา
เก๋งหรูพลัง Fuel Cell Electric Vehicle หรือ FCEV อย่าง Toyota MIRAI MY2026 ขายแล้วที่ญี่ปุ่น สองเกรดทั้งรุ่น G กับ Z ในราคาเริ่มต้น 7,414,000- 8,215,900 Yen หรือราว 1,475,000-1,639,000 บาท
ที่มา Carwatch
