นับเป็นรุ่นแรกของค่าย Volvo ที่เปิดตัวควบคู่กับนโยบายยกเลิกขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างเดียวในปี 2030 สำหรับ Volvo XC90 เอสยูวีรุ่นปรับโฉม
จากภาพหลุดในโลกออนไลน์กลายเป็นคันจริงรุ่นปรับโฉมหนที่ 2 หลังปรับครั้งแรกเมื่อปี 2019 สำหรับ Volvo XC90 รุ่นปรับโฉมในร่างเจเนอเรชันที่ 2 แซยิดมานานถึง 10 ปี
ภายนอก Exterior
หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจจาก Volvo EX90 ตั้งแต่ กระจังหน้าติดตราโลโก้ Iron Mark แบบทรงแทยงมุม พร้อมขอบฝากระโปรงหน้าที่หนากว่าเดิมไฟหน้า LED ใหม่ดีไซน์เอกลักษณ์ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) หักเหตามพวงมาลัย พร้อมระบบไฟสูงและปรับมุมส่องสว่างอัตโนมัติ ในชุดกันชนหน้าใหม่พร้อมช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมและไฟ DRL LED แนวตั้ง ทำงานร่วมกับชุดไฟหน้า
ด้านข้างยังคงเดิมทั้งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ราวหลังคาแบบบิ๊วอินน์ กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้าน ปรับในส่วนคิ้วชายล่างประตูใหม่ ด้านท้ายยังคงเป็นไฟท้าย LED แนวตั้งยาวแนวรมดำและกันชนหลังออกแบบใหม่ และล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 275/45R20 และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55 R19 ตัวรถยังคงเดิมตั้งแต่จากพื้นฐาน SPA 1 Platform
- ความยาว 4,953 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองข้าง 2,140 มิลลิเมตร)
- ความสูง 1,773 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,984 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 218 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,015-2,228 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 71 ลิตร
ภายใน Interior
หรูหราแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มีพื้นที่สัมภาระด้านท้ายมากถึง 1,874 ลิตรหลังพับเบาะตอนที่ 2 กับ 3 ในส่วนของแผงคอนโซลหน้ายังคงเดิมปรับในส่วน จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบลอยตัวขนาด 11.2 นิ้ว with Google Built in ที่ให้คุณใช้แอปอย่าง Google Maps, Google Assistant ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านคำว่า “Hey Google” เพื่อควบคุมแอป อย่าง Sportify รวมทั้ง Google Play
หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้พร้อมระบบปฏิบัติการ Android สามารถอัปเดทผ่านทาง OTA (over-the-air) และ Apple Car Play
พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านมาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12 นิ้ว จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD 9 นิ้ว เครื่องเสียงติดรถยนต์มีให้เลือกทั้งแบบปกติ High Performance audio 10 จุด กำลังขับ 220W จากแบรนด์พรีเมียม 2 แบรนด์ทั้ง Harman Kardon Premium Sound 14 จุด กำลังขับ 600 วัตต์ 12 แชนเนล
และสูงสุด “Premium Sound by Bowers & Wilkins” สเตอริโอรอบทิศทางที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดเป็นมิติฟังนุ่มหูที่สุดของโลก ระบบเสียงชั้นนำชุดนี้มาพร้อมกับแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12 แชนเนล คลาส-ดี และลำโพง 19 ตัวรอบห้องโดยสาร เลือกฟังได้ 3 โหมด ได้แก่ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall สร้างสรรค์ประสบการณ์การได้ยินเหมือนนั่งอยู่ใน Gothenburg Concert Hall
มีระบบฟอกอากาศอัจฉริยะพร้อมเซนเซอรวัดค่า PM2.5 และ Clean Zone ดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ในชุดเครื่องปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและด้านหลังแบบ 4 โซน กับ wireless charger ไร้สาย และงานออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนอันโด่งดังทั้งหัวเกียร์คริสตัลเจียระไนตกแต่งด้วยไม้แอชรมดำจากบริษัทผลิตแก้วชื่อดัง ORREFORS
สมรรถนะ Performance
ยังคงเดิมทั้งเบนซิน Drive-E AWD Plug-In Hybrid T8 ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (Turbocharger) ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 18.8 kWh ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ชาร์จได้เฉพาะกรแสสลับ AC ชาร์จสูงสุด 3 ชั่วโมง
รหัส B4204T56 ให้กำลังสูงสุด 310 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 146 แรงม้าที่ 15,900 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตรที่ 0-3,280 รอบต่อนาที และเมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 456 แรงม้า เรียกพลังจากแรงบิดสูงถึง 709 นิวตันเมตร
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.4 วินาที การชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกลสุดในโหมด Pure mode โหมดไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งได้ไกลสุด 73 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า
ยังมีขุมพลัง Mild Hybrid จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 48 V ให้กำลัง 14 แรงม้า แรงบิด 40 นิวตันเมตร พร้อมระบบนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่และเบรกแบบ Brake-by-Wire เพิ่มประสิทธิภาพความแรงและประหยัด ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
เริ่มที่เบนซินเทอร์โบ B5 รหัส B420T11 ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 5,400-5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 360 นิวตันเมตรที่ 3,300-7,500 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.7 วินาที และรุ่นเบนซินเทอร์โบ B6 พร้อมซูเปอร์ชาร์จ (Supercharger) รหัส B420T ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.7 วินาที
ทุกรุ่นยังได้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบทรอนิค (GEARTRONIC) พร้อมโหมดการขับขี่ 6 โหมดดังนี้ทั้ง Pure Electric เฉพาะรุ่น PHEV, Hybrid Mode เฉพาะรุ่น PHEV, Individual mode ,Power Mode ,OFF Road และ Constant AWD
พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่และด้านหลังอินทิกรัลลิงค์และ ช่วงล่างถุงลม 4 มุม (4-Corner Air Suspension) โครงแชสซีแบบ Four-C ซึ่งติดตั้งมาเป็นฟีเจอร์มาตรฐาน
ความปลอดภัย Safety
ด้วยออปชัน Advanced Driver Assist System (ADAS) ช่วยให้กล้องและเซนเซอร์รอบตัวรถตรวจจับวัตถุได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และฟังก์ชันเพื่อช่วยในการขับขี่อื่นๆอาทิ
- ล็อคความเร็วแปรผันอัตโนมัติพร้อมมฟังกชันหยุดรถ/ออกตัวรถโดยอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control with Queue Assist
- เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเพื่อช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัย Pilot Assist
- เข้าจอดรถด้วยมุมมองแบบ 360° ผ่านกล้องสี่ตัวเซนเซอร์อัลตร้าโซนิคสิบสองตัว Park Assist Camera
- ป้องกันการชนด้วยเซนเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดนิถนน ผู้ขับขี่จักรยานและสัตว์ใหญ่พร้อมฟังกชันหยุดรถและช่วยหักหลบ City Safety With Full Auto brake and Steering Assist
- ป้องกันการชนบรรเทาการบาดเจ็บพร้อมหยุดรถอัตโนมัติทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และทางแยก Collision Avoidance & Mitigation Support with Auto Brake
- เตือนมุมอับสายตาพร้อมช่วยหักหลบ Blind Spot Information System (BLIS) with steering assist
- แจ้งเตือนขณะถอยรถและระบบช่วยเบรก Newly Cross Traffic Alert with Auto Brake
- แจ้งเตือนเพื่อให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า Distance Alert
- แจ้งเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ Lane Keeping Aid (LKA)
- ควบคุมและป้องกันการโคลงของรถ Roll Stability Control (RSC)
Volvo XC90 Big Minor Change เปิดตัวต้อนรับยกเลิกนโยบายเน้นขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างเดียวภายในปี 2030 เพราะความต้องการของรถอีวีลดลง การขาดแคลนรถยนต์รุ่นราคาประหยัดการเปิดตัวจุดชาร์จที่ล่าช้า รวมถึงผลกระทบภาษีนำเข้าของยุโรปที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน
โดยรุ่น Hybrid ไม่ว่าจะเป็น Mild Hybrid กับ Plug In Hybrid จะเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของในอนาคต และเตรียมส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ ทางด้านเมืองไทยอาจได้พบกันปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า