More

    เจาะเหตุผลทำไม Blade Battery ของ BYD ถึงใช้งานได้ดีที่สุดในยุคนี้ 

    ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีจำหน่ายในไทย ถ้าแบ่งตามประเภทแบตเตอรี่ จะพบว่ามี 2 กลุ่มหลัก ๆ ก็คือกลุ่มที่ใช้แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ที่ส่วนใหญ่เป็นรถยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนรถจีนมักจะใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต

    แต่รถยนต์ค่าย BYD ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตแบบดั้งเดิม ให้โดดเด่นขึ้นอีกระดับหนึ่งด้วยการออกแบบให้เซลล์มีลักษณะบางและยาวเหมือนใบมีดวางเรียงตัวกันแบบเดียวกับ Heat Sink โดยใช้ชื่อ Blade Battery และได้เริ่มนำมาใช้กับรถยนต์ BYD ตั้งแต่ปี 2563

    ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า Blade Battery มีดีอะไร แตกต่างจากแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ทั่วไปอย่างไร? ทาง BYD ได้ให้ข้อมูลว่ามีข้อแตกต่างอยู่ 4 ประการ ดังนี้

    1. มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
    2. รูปทรงของแบตเตอรี่ มีลักษณะคล้ายใบมีดวางเรียงตัวกัน จึงมีพื้นที่ว่างในการเพิ่มจำนวนเซลล์ เพื่อเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ทั้งยังทำให้ใช้พื้นที่น้อยลงถึง 50% ภายในรถจึงกว้างขึ้น
    3. ระบบการจัดการความร้อนอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ถึง 20%
    4. ในการทดสอบแบบเจาะทะลุ (Nail Penetration Test) Blade Battery มีอุณหภูมิสูงขึ้นเพียง 60 องศาเซลเซียส และไม่เกิดเพลิงไหม้

    ความเป็นมาของการพัฒนา Blade Battery

    Blade Battery เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย BYD มีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยีพื้นฐานของ แบตเตอรี่ 4680 ที่เป็นแบบ LFP (Lithium Iron Phosphate) เหมือนกัน ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของความร้อนต่ำ เก็บพลังงานได้สูงกว่า และต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า แบบ NMC (Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide) ที่ปัจจุบันราคาแร่นิกเกิลที่เป็นต้นทางของแบตเตอรี่แบบ NMC นั้นมีราคาสูงขึ้นมาก

    ความแตกต่างของ Blade Battery อยู่ที่การออกแบบให้เซลล์มีลักษณะบางและยาวเหมือนใบมีดวางเรียงตัวกันแบบเดียวกับ Heat Sink ทำให้ต่างจากแบตเตอรี่แบบอื่นที่มีลักษณะเป็นก้อนวางซ้อนกัน โดยมีข้อดีคือสามารถระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อแต่ละเซลล์แยกจากกัน ความเสียหายจากการลัดวงจรจะไม่ต่อเนื่องไปยังเซลล์อื่นๆ ฉะนั้นการระเบิดหรือเกิดไฟลุกจึงเกิดขึ้นได้ยากสำหรับ Blade Battery

    ในแง่ของความปลอดภัย BYD อ้างอิงจากการทดลองเจาะแบบ Nail penetration test พบว่า Blade Battery จะไม่มีควันหรือเกิดการระเบิดเป็นไฟขึ้น และมีอุณหภูมิพื้นผิวเพียง 30-60 องศา เท่านั้น แตกต่างจากแบตเตอรี่แบบอื่นที่อุณหภูมิจะทะลุถึง 500 องศา อาจเกิดไฟลุกขึ้น

    ส่วนการทดสอบแบบบดอัด (Crush Test) Blade Battery มีอุณหภูมิสูงขึ้นไปถึง 300 องศาเซลเซียส แต่ไม่เกิดเพลิงไหม้ จึงเห็นได้ว่า “Blade Battery” นั้นให้ความปลอดภัยมากกว่าหลายเท่าตัว และติดไฟยากกว่า แม้จะมีความเสียหายอย่างรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ

    อีกทั้งประสิทธิภาพการใช้งานที่มากขึ้น เช่น การชาร์จ เร็วขึ้น ไวขึ้น ทนความร้อน มีอายุการใช้งานยาวนาน แข็งแรง ทนทาน และผ่านการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากล

    ปัจจุบัน BYD มีรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวในไทย 3 รุ่น คือ ATTO3, Dolphin และ Seal

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts