More

    เจาะรถเด่น! HAVAL H6 2025 รุ่นปรับโฉมเตรียมมาไทยปลายปีนี้

    หลังจากที่เมืองจีนเผยรุ่นปรับโฉมครั้งที่สองสำหรับ HAVAL H6 เอสยูวีขายดีของค่ายในจีนช่วงปีกลายถึง 226,024 คัน และแนวโน้มสูงที่จะเปิดตัวในไทย 

    HAVAL

    HAVAL H6 ปรับโฉมครั้งที่สองในรอบสี่ปีหลังจากปรับโฉมครั้งแรกเมื่อปี 2022 เริ่มที่ส่วนของไฟหน้า LED Daytime เป็นรูปเลขเจ็ด พร้อมไฟหน้า Intelligent LED ที่เพรียวลงกว่าเดิมสองดวงรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ติดตรา HAVAL ในชุดกันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่

    ด้านท้ายปรับเป็นไฟท้ายแบบแยกสองฝั่งแบบ LED ติดตรา HAVAL ขนาดใหญ่ รับกับกันชนหลังดีไซน์เท่พร้อมท่อไอเสียสองฝั่ง ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มองเห็นได้ชัดเจน ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้น เติมเต็มความหรูหราด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 1.2 เมตร ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R18 และขนาด 19 นิ้วสีดำเข้มพร้อมยาง 225/55R19

    มีมิติตัวรถขนาดกว้างขวางตั้งแต่ความยาว 4,683 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,886 มิลลิเมตร ความสูง 1,730 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 175 มิลลิเมตร นำหนักรถ 1,720 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 61 ลิตร ในรุ่น Hybrid และความสูงใต้ท้องรถ 170 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,881 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร ในรุ่น Plug in Hybrid

    HAVAL

     

    เปลี่ยนตัวตนด้วยดีไซน์ภายในลุคใหม่โดยยังใช้แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิมปรับรายละเอียดใหม่เริ่มที่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์ใหม่ดูแปลกตาพร้อม Paddle Shift จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้น 14.5 นิ้ว Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, Navigator บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และ ห้างสรรพสินค้า ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ทั้งอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command)

    จอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) 9 นิ้ว แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครัน และแผงมาตรวัดดิจิตอลลอยตัว HD Multi Information Display 10.25 นิ้ว คอนโซลกลางออกแบบใหม่หมดตัดปุ่มต่างๆใต้จอสัมผัสออก คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ย้ายตำแหน่งชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter จากปุ่มหมุนย้ายมาอยู่หลังพวงมาลัยหรือเรียกกันว่าเกียร์คอ มาเป็นที่วางแก้วสองจุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายที่หยิบวางง่ายขึ้น

    พร้อมลำโพง 8 จุดรอบคันพร้อม Treble Woofer และ DTS ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาพร้อมกรองอากาศ PM 2.5 Paddle Shift กุญแจ Smart Key+ Push Start เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในส่วนคนขับ และไฟฟ้า 4 ทิศทางในส่วนคนนั่ง เบาะหลังพร้อมที่เท้าแขนกลาง เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย

    อีกระดับของความสบายด้วยช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องเสียบ USB ตัวเบาะหลังยังพับได้ 40/60 และสร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Light หรูพร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ช่วยเติมสีสันและความหรูหราให้กับห้องโดยสาร

    HAVAL

    สเปกไทยจะจำหน่ายเพียงสองทางเลือกเริ่มที่ขุมพลัง Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบแปรผันซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ลิตร GW4B15 GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้าที่ 300 นิวตันเมตร

    เมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT ขับเคลื่อนล้อหน้า เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยโหมดการขับขี่เลือกได้ถึง 4 โหมดทั้งโหมด ECO, Normal, Sport, Snow

    และขุมพลัง Plug In Hybrid ใช้เครื่องเดียวกันกับรุ่น HEV แต่พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้นชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วยผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT และความจุแบตเตอรี่มากถึง 41.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร

    รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดเช่นเดียวกับรุ่น HEV แต่พิเศษเพิ่มโหมด EV เข้ามาอีก 4 โหมด ECO, Normal, Sport, Snow ทำให้มีโหมดการขับขี่มากสุดถึง 8 โหมด วิ่งไกลสุดในโหมด EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งถึง 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC) ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ DHT มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน)

    พร้อมความปลอดภัยรอบคัน Driver Assistance and Safety Systems มาครบทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) เพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)

    HAVAL

    ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS) ช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW) เซนเซอร์กระยะการจอดรถหน้าและหลังฝั่งละ 4 จุดและถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน

    GWM เตรียมที่จะเปิดตัวในงาน Auto China 2024 (Beijing Auto Show 2024) ระหว่างวันที่ 25 เมษายน- 4 พฤษภาคม ทางด้านเมืองไทยเตรียมพบกันปลายปี 2024 คาดทันงาน Motor Expo 2024

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts