การเลือกรถตามสีที่ตัวเองชอบเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “รถสีขาวมุก” หรือสีขาวอื่น ๆ เป็นที่นิยมมากที่สุดบนท้องถนนในปัจจุบันเลยก็ว่า ซึ่งหลายคนเชื่อว่าใช้รถสีนี้จะขายต่อได้ราคา และมีสภาพเสื่อมหรือเก่าช้า บางก็เชื่อในเรื่องของโชคลางอีกด้วย แต่ก็ยังมีหลายคนสงสัยว่า เพราะขายดีหรือเปล่าทำไมถึงต้องเพิ่มราคาสีนี้ มาดูกันว่าเหตุผลที่แท้จริงแล้วนั้นคืออะไรกันแน่
เหตุผลที่ทำให้ “รถสีขาวมุก” มีราคาแพงกว่าสีอื่น
ปกติแล้วสีรถยนต์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สี Solid และสี Metallic ซึ่งสีทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
- สี Solid (หรือ Non-metallic) จะมีลักษณะเป็นสีพื้น ไม่มีส่วนผสมของเมทัลลิกช่วยสร้างความแวววาว ซึ่งกระบวนการทำสีประเภทนี้จะมีต้นทุนต่ำ เนื่องจากจะเป็นการพ่นเนื้อสีลงบนชั้นรองพื้น จากนั้นจึงค่อยพ่นแล็กเกอร์เพื่อเคลือบสีเอาไว้เท่านั้น ดังนั้นสีประเภทนี้จึงมักพบได้ในรถขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีราคาไม่แพง
- สี Metallic จะมีส่วนผสมของผงอะลูมิเนียมช่วยสร้างความแวววาว โดยเฉพาะเมื่อกระทบกับแสงแดดหรือแสงไฟ ทำให้รถยนต์ดูมีความสวยงามมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนการทำสีประเภทนี้ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงกระนั้นผู้ซื้อรถก็มักไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ตัวถังสีเมทัลลิก เนื่องจากผู้ผลิตก็จะคิดรวมเข้าไปในมูลค่าของอยู่แล้ว เว้นแต่รถบางรุ่นที่มีการทำสีแบบพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีก ก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มเงินเพื่อแลกกับความสวยงามที่เพิ่มขึ้นมา
*** ขณะที่สีขาวมุกจะมีความพิเศษยิ่งกว่าสีเมทัลลิก เนื่องจากมีส่วนผสมของผลึกเซรามิก ช่วยสะท้อนและหักเหแสงได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เนื้อสีดูมีความลุ่มลึกมากกว่าสีขาวธรรมดา อีกทั้งเมื่อกระทบกับแสงไฟก็จะเกิดเป็นประกายสีรุ้งคล้ายกับมุก จึงเป็นที่มาว่าทำไมผู้ผลิตจึงเรียกสีประเภทนี้ว่าสีขาวมุก แต่สีชนิดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าสีทั้งสองประเภทข้างต้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมลูกค้าจึงต้องจ่ายเงินเพิ่มจากปกติเมื่อซื้อรถสีขาวมุกนั่นเอง
สีขาวมุกซ่อมบำรุงยากกว่าสีอื่น?
คือเรื่องจริง เนื่องจากสีประเภทนี้มีกระบวนการผสมสีที่ซับซ้อนกว่า จนเรียกว่าเป็นสีปราบเซียนของอู่ซ่อมสีรถยนต์ทั่วไป การทำสีให้ออกมาเหมือนกับสีเดิม 100% ทำได้ค่อนข้างยาก มีโอกาสเพี้ยนสูง จำเป็นต้องพึ่งพาศูนย์ซ่อมสีของรถแต่ละยี่ห้อโดยตรง หรือไม่ก็ต้องเลือกอู่ทำสีที่มีความเชี่ยวชาญในการทำสีมุกเป็นพิเศษ เพื่อให้ชิ้นงานกลับมาใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด
สีรถส่งผลต่อการขายต่อหรือไม่?
มีส่วน เพราะจากการซื้อขายรถยนต์มือสองมักดูที่สภาพตัวถังเป็นหลัก แม้ว่าตัวรถจะเป็นสียอดนิยมอย่างสีขาว แต่หากตัวถังผ่านการทำสีเนื่องจากประสบอุบัติเหตุมา ก็มักจะถูกกดราคาให้ต่ำ แต่หากเป็นสีแปลกๆ เช่น สีแดง, สีเขียว ฯลฯ แต่รถยังคงอยู่ในสภาพดี ไม่เคยผ่านการทำสี มีการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ก็สามารถทำราคาขายต่อได้ดีเช่นกัน
สำหรับการเลือกสีรถนั้นก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินมากมาย หรือถ้าหากอยากเปลี่ยนสี ก็มีเทคโนโลยีหลากหลายในยุคนี้อย่างเช่นการแร็ปรถ เปลี่ยนสีง่าย ๆ ใช้เวลาไม่นาน หากเบื่อก็สามารถลอกออกได้ เปลี่ยนสีอื่นได้ตามใจ ตามแต่กำลังทรัพย์ ส่วนในเรื่องของการดูแลสี หากคุณไม่ใช่คนที่ขับรถโชกโชน ดูแลรถอย่างดี ไม่ว่าจะใช้รถสีไหน ก็สามารถดูแลให้ใหม่ สวยได้เสมอ