แน่นอนว่าดาวเด่นในงาน Motor Expo 2021 ก็คงต้องยกให้กับรถยนต์ B-SUV ที่หลายค่ายทยอยเปิดตัวกันเป็นจำนวนมากแต่หนึ่งรุ่นที่ได้รับการตอบรับอย่างดีคงหนีไม่พ้น Honda HR-V
ปัจจุบัน Honda HR-V เจเนอเรชั่นที่สอง มีกัน 3 รุ่นย่อย โดยรุ่นที่ได้รับการตอบรับดีไม่แพ้รุ่นท็อป RS นั่นก็คือรุ่นรองท็อป EL นั่นเองมาพร้อมความหล่อแบบเรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แนวนนอนสีเดียวกับตัวรถ เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้าตอบรับกับการใช้เส้นสายที่ยาวต่อเนื่องมอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ด้านหลังมาพร้อมดีไซน์ท้ายลาดสไตล์ Fastback เฉียบคมไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นและสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจน
ภายในออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมระบบ Air Diffusion Systemกระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง มาพร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่สีดำ ให้ความอเนกประสงค์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 สามารถปรับพับได้หลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ทั้ง Utility Mode Long Mode และ Tall Mode
พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆได้แก่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto องรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ลำโพง 6 ตำแหน่ง ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า จำนวน 2 ช่อง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) เพียงสอดเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณใต้กันชนด้านหลัง ระบบจะเปิดฝากระโปรงท้ายโดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกดสวิตช์ปิด พร้อมทั้งหยิบสัมภาระออกจากท้ายรถ และเดินออกห่างจากตัวรถ ระบบจะทำการปิดฝากระโปรงท้ายลงโดยอัตโนมัติ โดยขณะใช้งานจะต้องมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 1 เมตร
ท้าทายไร้ขีดจำกัดด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส LEB-H5 108 แรงม้าที่ 6,000-6,400 รอบ/นาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบ/นาที ผสมผสานกันทำงานมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ให้กำลังรวมสูงสุด 131 แรงม้าที่ 4,000-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,500 รอบ/นาที พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT เลือกได้เฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า
ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive)และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน น้ำหนักเบาและกะทัดรัด พร้อม Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode Normal Mode และ Sport Mode นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) และยังมีโหมดการขับขี่ 3 โหมด ปรับเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้ ได้แก่– โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ระบบความปลอดภัยความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ติดตั้งเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่าง มีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) เป็นต้น
Honda HR-V e:HEV รุ่น EL มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วยสีขาวแพลทินัม (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก) ในราคา 1,079,000 บาท