More

    Nissan N7 เก๋งใหญ่พลังอีวีเปิดตัวจีนพฤษภาคมนี้

    หลังเผยโฉมจริงไปแล้วที่งาน Guangzhou Auto Show 2024 สำหรับ Nissan N7 เก๋งซาลูนรุ่นใหม่พลังอีวีที่ชาวจีนและทั่วโลกต่างสนใจอยากพบตัวจริง

    Nissan

    ล่าสุด Nissan พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวและพร้อมขายด้วยสำหรับ Nissan N7 เก๋งไซซ์เดียวกับ Nissan TEANA หรือ Nissan ALTIMA

    Nissan N7 EV พัฒนาจากต้นแบบ Nissan Epoch เพื่อคนที่ใช้ชีวิตในเมือง ชานเมือง ทีมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบสินค้าที่มีดีไซน์และเทคโนโลยี มาพร้อมแนวคิดของการใช้ AI และ Internet of Things (IOT) รวมถึงผู้ช่วยส่วนตัวเสมือนจริงที่ช่วยทำให้ชีวิตง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านการสื่อสารที่คำนึงถึงอารมณ์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

    หน้าตาหรูด้วยกระจังหน้าทรงรูปตัววีแบบทึบหรือ V-Motion พร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ตชิ้นเดียวกับกระจังหน้า ส่วนบนจะเป็นแถบไฟ DRL แบบ LED เส้นสีขาวแนวนอนคาดยาวพร้อมชุดไฟหน้า LED รูปตัววีที่ให้ความสว่างชัดมากขึ้นด้านล่างเป็นช่องระบายอากาศสีดำ

    ด้านข้างมาในแนวกระจกโอเปร่าแบบไร้กรอบ Frameless  หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ 1.82 ตารางเมตร กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย OLED แนวยาว ติดตราตัวอักษร Nissan สีแดงสลับสีดำทั้งแผง ชุดกันชนหลังออกแบบเรียบง่ายดูดีกลมกลืนกับตัวรถและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/55R17 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/45R19

    เป็นการพัฒนาร่วมกันกับ Dongfeng จากพื้นฐานแพลตฟอร์ม Dongfeng Nissan’s new energy architecture โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ Cd 0.208 มิติตัวรถใหญ่ตามสูตรรถเก๋งตั้งแต่ความยาว 4,930 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,895 มิลลิเมตร ความสูง 1,487 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,915 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ 1,837-1,875 กิโลกรัม พื้นฐานเดียวกับ Dongfeng eπ 007

    Nissan

    ภายในยังไม่มีการเปิดเผยอะไรมากเพียงแต่เผยว่าการทำงานฟังก์ชันต่างๆภายในจอสัมผัสระบบความบันเทิงที่รวดเร็วแม่นยำด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295P พร้อมหน่วยความจำ 32GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB จากความร่วมมือของ Momenta ได้ฟังก์ชันระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงในชื่อ Navigate on Autopilot พร้อมเบาะนั่งแบบ Zero Gravity ออกแบบตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

    ด้านออปชันภายในอาจยกมาจาก Dongfeng eπ 007 ทั้งมาตรวัดความเร็ว LCD สี 8.8 นิ้ว และจอสัมผัสกลางขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วและพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงหัวตัดท้ายตัด ลำโพงรอบคัน 20 จุด ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สีและที่ชาร์จมือถือไร้สายคู่กำลัง 50W

    Nissan

    ด้านขุมพลังไฟฟ้าคาดว่ายกมาจาก Dongfeng eπ 007 ชาร์จได้ทั้ง DC 30-80% ภายใน 26 นาที และชาร์จ AC ได้มีกัน 2 ทางเลือก เริ่มที่รุ่นเริ่มต้นด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 56.83 kWh ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง TZ200XS3JD วิ่งไกล 530 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 511 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.8 วินาที

    รุ่นท็อปด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 70.26 kWh ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง TZ200XS3JD วิ่งไกล 620 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 598 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.8 วินาที

    โดย Nissan เตรียมขายจริงที่จีนช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2025 ตามแผนธุรกิจใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘The Arc’ กลยุทธ์ของตลาดในประเทศจีนของ Nissan พร้อมหลักการที่ว่า “ในประเทศจีน และสำหรับประเทศจีน” หรือ “In China, for China” และแว่วๆว่าเมืองไทยอาจพบกันในปี 2026 ในเวอร์ชันพวงมาลัยขวาที่แรกของโลก

    Nissan

    ที่มา AUTOHOME

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts