Max Verstappen แชมป์โลกคนปัจจุบันคว้าชัยชนะครั้งที่ 3 ของฤดูกาลที่ไมอามี หลังจากที่เขาเร่งเครื่องแซงคู่แข่งสำคัญอย่าง Charles Leclerc ได้
Verstappen คว้าชัยชนะพร้อมกับทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด ทำให้ขยับระยะห่างคะแนนเข้าใกล้ผู้นำกระดานอย่าง Leclerc เหลือเพียง 19 คะแนน นอกจากนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่จบการแข่งขันไป 2 สนาม แต่อีก 3 สนามที่เหลือเขาก็คว้าชัยชนะได้ทั้งหมด
Leclerc นั้นออกสตาร์ทขึ้นนำจากตำแหน่งโพล โดยที่ Verstappen ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และตั้งท่าที่จะไล่นักแข่งโมเนแกสตั้งแต่ต้นการแข่งขัน
Verstappen ใช้เวลา 9 รอบ ถึงจะแซงผ่าน Leclerc ขึ้นมาได้ โดยนักแข่งดัตช์อาศัยท็อปสปีดอันยอดเยี่ยมของรถ Red Bull ไล่จี้และฉีกแซงนักแข่งโมเนแกสขึ้นมาได้บนทางตรงหน้าพิทเลน
Clinical from Verstappen 💪#MiamiGP #F1 pic.twitter.com/HkwmfHQlA2
— Formula 1 (@F1) May 8, 2022
Verstappen ค่อยๆ ทิ้งห่าง Leclerc ออกไปจนถึง 8 วินาที ในช่วงหนึ่ง ก่อนที่รถ AlphaTauri ของ Pierre Gasly จะสะกิดล้อหลังขวารถ McLaren ของ Lando Norris ช่วงที่หลุดออกไปและกลับเข้าแทร็คมาในโค้ง 8 ส่งผลให้รถ McLaren หมุนคว้างกลางแทร็คจนเป็นเหตุให้เซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่ง
A dramatic end to Norris's race after contact with Gasly 😮#MiamiGP #F1 pic.twitter.com/IM4tJoWjO1
— Formula 1 (@F1) May 8, 2022
ทางด้าน Fernando Alonso ซึ่งมีเหตุเฉี่ยวชนกับ Gasly ก่อนที่จะเกิดเหตุกับ Norris ถูกยื่นโทษบวกเวลา 5 วินาที ในขณะที่ Norris นั้นต้องออกจากการแข่งขันทันที ส่วน Gasly ออกจากการแข่งขันตามไปก่อนที่เซฟตี้คาร์จะรีสตาร์ท
ในช่วงหลังการรีสตาร์ท Verstappen ต้องรับความกดดันจาก Leclerc อย่างหนัก แต่ด้วยท็อปสปีดอันยอดเยี่ยมของ Red Bull เช่นเคย นักแข่งดัตช์สามารถป้องกันตำแหน่งของตัวเองและรักษาระยะห่างจากนักแข่งโมเนแกสไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งทำให้เขาคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด
Carlos Sainz เพื่อนร่วมทีมของ Leclerc จบการแข่งขันในอันดับ 3 โดยเขาเกือบถูก Sergio Perez ที่จบการแข่งขันในอันดับ 4 และเป็นคู่แข่งสำคัญจากสังกัด Red Bull เอาอันดับไปได้ในช่วง 5 รอบสุดท้าย แต่นักแข่งสแปนิชโชคดีที่นักแข่งเม็กซิกันมีปัญหาทางเทคนิคกับเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้นักแข่งเม็กซิกันต้องเค้นตัวเองจนเกินลิมิตรถไปเล็กน้อยช่วงที่แซงขึ้นมา เลยบานทะลุออกนอกโค้ง 1 ไป
George Russell สตาร์ทจากกริด 12 ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 5 ทำให้แชมป์โลก F2 2018 ยังคงเป็นคนเดียวในปีนี้ที่จบการแข่งขันในท็อป 5 ทุกสนาม แน่นอนว่ากลยุทธ์ที่ทางทีมวางไว้ก็ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ หลังจากที่เขาใส่ยางฮาร์ดในช่วงแรกเพื่อรอเวลาให้เซฟตี้คาร์ออกมา และ Norris กับ Gasly ก็ส่งเซฟตี้คาร์มาให้พอดิบพอดี
Lewis Hamilton จบการแข่งขันในอันดับ 6 หลังจากที่ถูก Russell แซงขึ้นไป ซึ่งนักแข่งสหราชอาณาจักรฯ ดูจะไม่พอใจนักกับกลยุทธ์ที่ทีมวางให้เขาในวันนี้
Valtteri Bottas เกือบจะจบการแข่งขันในอันดับ 5 ได้ อย่างไรก็ตามเขาทำความผิดพลาดเล็กน้อยจนทำให้ Mercedes ทั้ง 2 คัน แซงขึ้นไปได้ ทำให้นักแข่งฟินน์จบการแข่งขันในอันดับ 7 แทน
Esteban Ocon ถึงแม้ว่าจะสตาร์ทจากพิทเลน แต่เขาก็สามารถเก็บคะแนนให้กับทีมได้จากการจบการแข่งขันในอันดับ 8 ทางด้าน Alonso ซึ่งถูกบวกเวลา 5 วินาที ทำให้มาจบการแข่งขันหลังทีมเมทอย่าง Ocon ก็โดนบวกเวลาเพิ่มไปอีก 5 วินาที จากจังหวะแซงที่สจ๊วตมองว่าเขาได้ประโยชน์จากการใช้พื้นที่นอกแทร็ค ทำให้ Alex Albon ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 9 ที่เป็นอันดับที่ดีที่สุดของนักแข่งลูกครึ่งไทยในปีนี้ ส่วน Lance Stroll จบอันดับ 10 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายที่มีคะแนน
Mick Schumacher สุดสัปดาห์นี้มีผลงานเป็นที่น่าจับตาและดูจะเฉิดฉายมาก อย่างไรก็ตามแสงไฟของเขาก็ได้ดับลงหลังจากที่แชมป์โลก F2 2020 ทิ่มด้านข้างรถ Aston Martin ของ Sebastian Vettel เข้าไปเต็มแรง จบการแข่งขันของ Vettel ในสนามนี้ไป ในขณะที่เจ้าตัวหล่นไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 15 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้าย
Mick and Seb tangle at Turn 1 😖
Watch all the key action from our first race in Miami 👀#MiamiGP #F1
— Formula 1 (@F1) May 9, 2022
ส่วนคนที่ออกจากการแข่งขันไปอีกคนนั้นคือ Zhou Guanyu นักแข่งสังกัด Alfa Romeo ต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่รอบที่ 7 หลังจากที่รถของเขามีปัญหากับระบบหล่อเย็นรั่วไหล
อ้างอิง : the-race.com