การทดสอบขั้นสุดท้ายสำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ ก่อนที่จะเผยโฉมรุ่นปรับโฉมใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ผ่านการทดสอบสมรรถนะได้อย่างไร้ขีดจำกัดมากกว่า 90 ครั้งรอบโลก ครอบคลุมระยะทาง 3.6 ล้านกิโลเมตรภายใต้สภาพอากาศหนาวสุดขั้ว!อุณหภูมิ ติดลบ ตั้งแต่ -41 ถึง +53 องศาเซลเซียส ครอบคลุม 17 ประเทศทั่วโลก
ย้อนกลับไปช่วงก่อนที่ Porsche Taycan รุ่นปรับโฉมใหม่จะออกวางจำหน่าย รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้ ได้ผ่านการการทดสอบประสิทธิภาพของสมรรถนะต่างๆในขั้นตอนสุดท้ายมาอย่างเข้มข้น ทั้ง Taycan รุ่นซีดาน และ รุ่น Cross Turismo เจเนอเรชันใหม่
ทั้ง 2 รุ่น ได้ผ่านการวิ่งทดสอบบนสนามทดสอบ สนามแข่ง และถนนสาธารณะทั่วโลก เป็นระยะทางรวมถึง 3.6 ล้านกิโลเมตร และการทดสอบภายใต้สภาพอากาศที่รุนแรงที่สุด อย่างเช่น การวิ่งผ่านอุณหภูมิระหว่าง +53 องศาเซลเซียสในหุบเขามรณะของรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปจนถึง -41 องศาเซลเซียสทางเหนือของเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ของฟินแลนด์
Taycan รุ่นปรับโฉมได้รับการทดสอบสมรรถนะครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ในช่วงแรก ไปจนถึงการตรวจสอบอย่างละเอียดบนแท่นทดสอบในการทดสอบจริงบนสนามและถนนสาธารณะ
Kevin Giek รองประธานสายงานบริหารรุ่นรถ กล่าวว่า “พวกเราได้พัฒนา Taycan รุ่นใหม่ ให้เร็ว แรง และวิ่งไกล ดีขึ้นในแทบทุกด้านเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โปรแกรมการทดสอบอันทรหด เรียกได้ว่าแทบจะเทียบได้กับการสร้างโมเดลใหม่”
สำหรับการเปิดตัว รถทั้ง 3 รุ่นได้มีการปรับปรุงสมรรถนะคลอบคลุมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ไทคานน์ สปอร์ตซีดาน, ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ที่มาพร้อมแพ็คเกจสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด และ ไทคานน์ สปอร์ต ทัวริสโม ที่ผสมผสานความสปอร์ตและการใช้งานได้อย่างลงตัว
สำหรับระยะทางที่ใช้ในการทดสอบทั้งหมดรวม 3.6 ล้านกิโลเมตร ซึ่งกว่า 300,000 กิโลเมตร คือการวิ่งในสภาพอากาศหนาวจัด และอีก 200,000 กิโลเมตร ในสภาพอากาศร้อนจัด ที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากอาร์กติกเซอร์เคิลไปทางเหนือประมาณ 350 กิโลเมตร
นอกเหนือจากนั้นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมบนหิมะและน้ำแข็งได้อย่างดีแล้ว แต่ยังโชว์ประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วยการใช้เวลาในการชาร์จที่เร็วขึ้นเกือบครึ่งภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็น
สำหรับไทคานน์ รุ่นใหม่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าสามารถรับมือกับทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นบนทะเลสาบที่แข็งตัว และบนหิมะที่ปกคลุมหนา นั่นหมายความว่าสามารถใช้งานภายใต้สภาวะที่เยือกแข็งได้เช่นกัน รวมไปถึงการทดสอบความทนทานในสภาพอากาศร้อนจัดอย่างหุบเขามรณะเดธวัลเลย์ ทีมวิศวกรของปอร์เช่ ได้ทดสอบระบบชาร์จแบตเตอรี่และระบบจัดการความร้อน ภายใต้สภาวะอากาศร้อนที่สุดด้วยเช่นกัน
Florian Stahl หัวหน้าฝ่ายการทดสอบของ Taycan กล่าวว่า “สาเหตุที่ ปอร์เช่ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าจะต้องผ่านโปรแกรมการทดสอบที่เข้มงวด เหมือนกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปของเรา นอกเหนือจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว มารตรฐานหลักที่สำคัญคือ สมรรถนะในการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวลภายใต้ทุกสภาพอากาศ
สำหรับ Taycan ใหม่ที่ได้เปิดตัวออกสู่ตลาดโลก คือบทพิสูจน์ความสำเร็จให้เห็นว่าได้ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสมรรถนะมาอย่างคลอบคลุมหลายด้าน และการทดสอบดังกล่าว เป็นการทดสอบที่เข้มข้น ในสภาพอากาศตั้งแต่ -41 ถึง +53 องศาเซลเซียส จากทั่วโลกกว่า 17 ประเทศ”