ต้องมีคนสงสัยบ้างละ ว่าถ้าเราใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแบตหมดกลางทาง เพราะการคาดคะเนของการใช้งานแบตเตอรี่กับระยะทางคลาดเคลื่อน เจ้าของรถยนต์ EV ควรจะทำอย่างไร
ใจเย็น ตั้งสติให้อยู่กับตัวเอง
โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัญญาณแจ้งเตือนแบตเตอรี่เหลือน้อยอยู่ ถ้าคุณได้ยินเสียงสัญญาณ สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติกับตัวเองก่อน อย่าตกใจ แล้วรีบหาที่จอดรถข้างทางก่อนเป็นอันดับแรก
ตรวจสอบระยะทางที่เหลือ
ให้คุณดูหน้าปัดของรถยนต์ไฟฟ้าว่ายังสามารถวิ่งได้อีกประมาณกี่กิโลเมตร ว่าสามารถหาจุดชาร์จไฟได้ทันหรือไม่ หากระยะทางเหลือน้อย ให้รีบหาจุดชาร์จไฟทันที โดยคุณสามารถโหลดแอปพลิเคชัน Evolt เพื่อค้นหาและใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ตัวคุณได้เลย พร้อมมีระบบนำทางจากบนแอปให้คุณขับได้ไม่ต้องกลัวหลง
เปิดโหมดประหยัดพลังงานภายในงาน
ใช้โหมดประหยัดพลังงาน ปิดแอร์ภายในรถ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้สามารถประคองไปจนถึงสถานีชาร์จใกล้คุณได้
กรณีรถดับไปแล้ว ให้โทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
หากรถดับไปแล้วและยังหาจุดชาร์จไฟไม่เจอ สามารถโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ บริษัทประกันภัย หรือรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจะมีปุ่ม Emergency Call สำหรับการโทรขอความช่วยเหลือจากรถยกเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อพาไปยังสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใกล้ที่สุด
อย่างไรก็ตามการปล่อยให้รถยนต์ไฟฟ้าแบตหมดจนเครื่องดับไปเองบ่อยครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องดีต่อรถเท่าไร ควรวางแผนการเดินทางให้ดีก่อนออกเดินทาง โดยตรวจสอบระยะทางที่เหลือในแบตเตอรี่ของคุณและหาจุดชาร์จที่อยู่ระหว่างทางไว้ก่อนเดินทางด้วย สิ่งสำคัญคือควรหาจุดชาร์จในระยะ ใกล้เคียงกับจุดที่เราวางแผนไว้ เป็นแผนสำรองเผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย
ขอบคุณข้อมูล EVolt Thailand