ในการแข่งขัน Formula 1 นั้นเต็มไปด้วยกฎต่างๆ มากมายชนิดที่ว่าไล่อ่าน 2-3 วันจะยังอ่านได้ครบหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ กฎต่างๆ เหล่านี้ถูกกำหนดมาเพื่อป้องกันไม่ให้นักแข่งเกิดอันตราย ป้องกันไม่ให้ทีมแข่งใช้ประโยชน์ด้านเทคนิคเอาเปรียบทีมอื่น หรือช่วยจุนเจือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการแข่งขัน แต่ก็มีกฎอีกหลายอย่างเช่นกันที่ถูกกำหนดมาเพื่อความชัดเจน แต่ก็ให้ความรู้สึกในอีกทำนองหนึ่งว่า อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?
กฎเกี่ยวกับนักขับและผู้เข้าร่วมการแข่งขัน
ตลอดหนึ่งฤดูกาลทีมแข่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้นักขับที่แตกต่างกัน 4 คน หากพวกเขาต้องการ และไม่อนุญาตให้ทีมแข่งมีรถเข้าร่วมการแข่งขันเกิน 2 คัน นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทีมใหญ่นั้นเก็บโพเดียมอันดับ 1-2-3 ไปเพียงทีมเดียว
นอกจากนั้นยังมีกฎที่ห้ามไม่ให้มีรถแข่งเกินกว่า 26 คัน เข้าร่วมการแข่งขันในหนึ่งฤดูกาล ซึ่งทุกวันนี้มีรถแข่งเพียง 20 คัน เข้าร่วมการแข่งขัน นั่นหมายความว่ายังมีที่ว่างให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันได้อีก 3 ทีม
ครั้งสุดท้ายที่ F1 มีรถเต็มทั้งหมด 26 กริด เกิดขึ้นในการแข่งขันที่โมนาโค เมื่อปี 1995 แต่ในทางกลับกันหากมีรถแข่งเข้าร่วมการแข่งขันไม่ถึง 12 คัน FIA ก็มีสิทธิที่จะพิจารณายกเลิกการแข่งขันในรายการนั้น ซึ่งคาดว่ากฎด้านการกีฬาข้อนี้ถูกกำหนดมาเพื่อป้องกันเหตุการณ์อย่าง US Grand Prix 2005 ที่มีรถแข่งเข้ากริดเพียง 6 คัน
อย่างสุดท้าย หากคุณจบฤดูกาลในอันดับ 1-3 มันเป็นหน้าที่ที่คุณจะต้องเข้าร่วมงานฉลองมอบถ้วยรางวัลของ FIA ซึ่งถ้าหากคุณไม่ปฏิบัติตาม คุณก็จะถูกลงโทษ เช่น ปรับเงิน อย่างที่ Lewis Hamilton โดนปรับเงินไป 50,000 ยูโร เมื่อช่วงต้นปี
กฎเกี่ยวกับลวดลายบนรถ
ถึงแม้ว่า FIA จะให้อิสระในการออกแบบลวดลายรถกับทีมแข่ง แต่มันก็ยังมีเส้นบางเส้นที่ทีมแข่งห้ามล้ำเกินไป อย่างเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นกับทีม BAR ในปี 1999 ซึ่งพวกเขาเปิดตัวรถ 2 คันที่มีลวดลายแตกต่างกัน ทำให้ FIA ต้องออกกฎบังคับให้รถทั้ง 2 คันนั้นต้องมีลวดลายที่เหมือนกัน และเหมือนกันในทุกๆ รายการแข่งขันตลอดปี
แต่ถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงลวดลายบนรถของทีมคุณในระหว่างฤดูกาล คุณต้องทำเรื่องขอไปยัง FIA และ FOM เพื่อให้พวกเขาอนุมัติเสียก่อน อย่างที่ McLaren ได้ทำในปีที่แล้วกับลวดลาย Gulf ที่โมนาโค
กฎเกี่ยวกับกำหนดการแข่งขัน
F1 นั้นต้องทำงานให้ตรงต่อเวลาอย่างถึงที่สุดทั้งในและนอกสนาม โดยเบื้องหลังนั้นพวกเขามีกำหนดการที่แน่นเอี้ยด แต่ทุกอย่างก็ถูกดำเนินการตามแผนอย่างตรงเวลาที่สุด
ในสุดสัปดาห์การแข่งขันปกติที่ไม่มีสปรินท์เรซ พวกเขาจะมีการซ้อมทั้งหมด 2 เซสชั่น ในวันศุกร์ ทั้ง 2 เซสชั่นจะมีเวลาให้ซ้อม 1 ชั่วโมง และทั้ง 2 เซสชั่นจะต้องถูกเว้นช่วงห่างกันไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นจะเป็นการซ้อมครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัดตารางไว้ในวันเสาร์ โดยการซ้อมในเซสชั่นนี้จะยังคงให้เวลา 1 ชั่วโมง และต้องมีระยะเว้นห่างจากการซ้อมในเซสชั่นที่ 2 ไม่ต่ำกว่า 19 ชั่วโมง
กฎนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการแข่งขันรายการ Emilia Romagna Grand Prix เมื่อปีที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชนกับพิธีศพเจ้าชาย Philip
สำหรับการให้สัมภาษณ์ของนักขับจะต้องทำในวันพฤหัสบดี ก่อนเซสชั่นซ้อมแรกไม่ต่ำกว่า 23 ชั่วโมง
ทางฝั่งนอกแทร็คปฏิทินการแข่งขันนั้นถูกกำหนดให้มีไม่ต่ำกว่า 8 สนาม และไม่เกิน 23 สนาม ต่อฤดูกาล ซึ่งในปี 2022 F1 ได้ใช้โควตาจำนวนสนามเต็มพิกัด
กฎเกี่ยวกับโพเดียม
การเข้าร่วมพิธีบนโพเดียมนั้นเป็นอะไรที่ซีเรียสมากใน F1, FIA จะมอบหมายให้ “Master of Ceremonies” เป็นผู้ดำเนินการให้พิธีเป็นไปอย่างราบรื่นตามกำหนดการ
ก่อนที่จะขึ้นไปบนโพเดียม นักแข่งจะออกจาก พาร์ค เฟอร์เม่ ไปยังห้องคูลดาวน์ ซึ่งในห้องนี้นักแข่งจะได้ผ่อนคลายและปรับอารมณ์ก่อนที่จะขึ้นไปรับรางวัล ซึ่งในห้องนี้ถูกกำหนดว่าจะต้องมีอากาศถ่ายเท หรือติดตั้งเครื่องปรับอากาศหากมีอุณหภูมิอากาศเกิน 25oC
ภายในห้องจะมีการเตรียมน้ำที่ไม่ติดยี่ห้อแสดงไว้เพื่อรองรับนักแข่ง โดยน้ำดื่มนั้นจะถูกเตรียมไว้ 3 ขวด ที่ พาร์ค เฟอร์เม่ และอีก 3 ขวด ในห้องคูลดาวน์ และแน่นอนว่ามีผ้าขนหนูอีก 3 ผืน จัดไว้ให้ในห้องนี้
เมื่อเข้าไปยังโพเดียม แชมเปญที่นักแข่งจะใช้ฉีดฉลองจะถูกเตรียมไว้ที่ฐานของโพเดียม ส่วนถ้วยรางวัลนั้นจะถูกจัดวางไว้บนโต๊ะข้างๆ โพเดียม และจะมีตำแหน่งมาร์คไว้ที่พื้น เพื่อแสดงจุดที่ตัวแทนจะยืนเพื่อมอบรางวัลให้กับนักแข่ง
ในส่วนของถ้วยรางวัลนั้นจะต้องมีโลโก้ F1 ติดอยู่ และยังต้องมี ชื่อรายการอย่างเป็นทางการ, อันดับที่นักขับจบการแข่งขัน, และมีขนาดตามที่ถูกกำหนด โดยที่ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 5 kg
บนโพเดียมถึงแม้ว่าทุกวันนี้แต่ละสนามจะใช้ธงดิจิตอลกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมีกฎว่าอาจจะใช้ธงทั่วไปได้หากจำเป็น และสำหรับพรมจะต้องเป็นสีเขียวหรือน้ำเงินเท่านั้น
เพลงชาติที่จะถูกเล่นบนโพเดียมเพื่อเป็นเกียรติกับนักขับและทีมที่ได้อันดับ 1 จะต้องถูกเล่นโดย “ระบบเครื่องเสียงที่เหมาะสม” นั่นหมายความว่าพวกลำโพงบลูทูธจะไม่สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน และเมื่อเหล่าตัวแทนผู้มอบรางวัลลงจากโพเดียมหมดแล้ว ก็จะถึงเวลาที่นักขับได้ฉีดแชมเปญ และแน่นอนว่าจะมีเพลงเฉพาะที่เราคุ้นหูถูกบรรเลงในช่วงนี้
อ้างอิง : wtf1.com